นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. เมื่อวานนี้ (8 มี.ค.) เห็นชอบปรับการกำหนดราคาและปริมาณในโครงการประกันรายได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ประจำปีการผลิต 2553/2554 รอบที่ 2 ตามมติของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) โดยข้าวเปลือกปทุมธานี ปรับราคาประกันเพิ่มเป็นตันละ 11,500 บาท จากเดิม 11,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 11,000 บาท จากเดิม 10,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 10,000 บาท จากเดิม 9,500 บาท พร้อมให้เพิ่มปริมาณการใช้สิทธิประกันรายได้จากครัวเรือนละ 25 ตัน เป็น 30 ตัน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งชี้แจงและให้เหตุผลที่ถูกต้องกับเกษตรกร กรณีที่ กขช. และ ครม. ไม่ได้เพิ่มราคาประกันข้าวเท่ากับจำนวนที่เกษตรกรเรียกร้องมา โดยเฉพาะเหตุผลในเรื่องของงบประมาณ เพราะหากปรับขึ้นเท่ากับที่เกษตรกรเรียกร้องมา จะต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก ซึ่งการเพิ่มครั้งนี้ใช้เงินประมาณ 11,000 ล้านบาท และรัฐต้องคำนึงถึงโครงสร้างหลักของนโยบายประกันรายได้ ที่ต้องไม่ให้เสียความสมดุลด้วย
อย่างไรก็ตาม นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้ขอให้ครม.และกขช.พิจารณาปรับเพิ่มการประกันรายได้ให้กับเกษตรกรที่ปลูกข้าวเหนียวเพิ่มมากขึ้นจากที่ปรับขึ้นให้ตันละ 500 บาทด้วย เพราะเห็นว่าในภาคอีสานนั้นจะปลูกข้าวเหนียวได้เพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ซึ่งนายกฯ ได้ระบุว่าเรื่องนี้จะมีการพิจารณาในลำดับต่อไป
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ครม.สั่งให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการแทรกแซงราคาข้าวเปลือกภายในประเทศ หลังจากราคาตกต่ำลงมาก โดยให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรปริมาณ 2 ล้านตันข้าวเปลือก เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.นี้นั้น ล่าสุด นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ได้ประสานไปยัง อคส. และอ.ต.ก.ให้เริ่มดำเนินการรับซื้อได้ทันทีตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. นี้ในจังหวัด หรือในจุดรับซื้อที่มีความพร้อม
การรับซื้อนั้น จะเริ่มดำเนินการจนถึงผลผลิตข้าวเปลือกนาปี ปี 2554/2555 ออกสู่ตลาด หรือประมาณเดือนส.ค. 2554 และจะรับซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง คาดว่าราคารับซื้อน่าจะอยู่ระหว่างตันละ 8,800-9,000 บาท จากราคาอ้างอิงตันละ 8,900 บาท และอาจต้องใช้งบประมาณกว่า 20,000 ล้านบาท ในการดำเนินการ
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การเพิ่มราคาประกันให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังนั้นไม่เห็นด้วย เพราะจะยิ่งทำให้ต้นทุนข้าวไทยสูงขึ้น และทำตลาดต่างประเทศยากขึ้น จากปัจจุบันที่ต้นทุนข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่งอื่นๆ มาก เช่น เวียดนาม ต้นทุนต่ำกว่าไทยประมาณตันละ 1,000 บาท ที่สำคัญยังมีผลผลิตต่อไร่สูงกว่าไทยมาก รัฐควรหาทางลดต้นทุนให้เกษตรกรมากกว่า เพราะจะได้ประโยชน์ระยะยาว แต่การเพิ่มราคาประกัน เป็นเพียงการหาเสียง และเกษตรกรจะได้ประโยชน์ระยะสั้นเท่านั้น
สำหรับราคาข้าวไทยขณะนี้ ข้าวเปลือกตันละ 8,300-8,500 บาท ลดลงเล็กน้อย ส่วนราคาส่งออก ข้าวขาว 5% ตันละ 510 ดอลลาร์ จากเดือนก่อนที่ตันละ 520-530 ดอลลาร์ เพราะข้าวเวียดนามกำลังออกสู่ตลาด และผู้ซื้อหันไปซื้อจากเวียดนามแทน ซึ่งราคาเพียงตันละ 450 ดอลลาร์ เท่านั้น
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|