นายสมพงษ์ กิตติเรียงลาภ ประธานกรรมการบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันทิศทางราคาข้าวลดลง และสถานการณ์จะน่าเป็นห่วงมากขึ้นในเดือนก.พ.นี้ เพราะข้าวนาปีจะออกสู่ตลาดมากขึ้น ประกอบกับมีข้าวที่รัฐบาลระบายจากสต็อกประมาณ 4 ล้านตัน ส่งผลให้ปริมาณข้าวในท้องตลาดมีมากขึ้น ทำให้ราคาลดลง โดยราคาเฉลี่ยข้าวสารปัจจุบันตันละ 1.3 หมื่นบาท ทั้งที่ราคาจริงควรอยู่ที่ตันละ 1.5-1.6 หมื่นบาท ซึ่งการระบายข้าวในสต็อกของรัฐ ส่งผลให้ราคาข้าวลดลงกว่าที่ควร
“ถ้าข้าวยังอยู่ในสต็อกรัฐบาลก็ถือเป็นการเก็บเพื่อดูแลราคา แต่ขณะนี้ข้าวออกมาอยู่ในท้องตลาดเต็มไปหมด ทั้งในมือโรงสี และพ่อค้าข้าว แต่ไม่รู้จะไปปล่อยที่ไหน ที่สุดก็เป็นการฉุดราคาตลาดในประเทศ ส่วนทิศทางราคาต่างประเทศจะสะท้อนจากราคาในประเทศ” นายสมพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ การผลิตข้าวในประเทศมีผลผลิตรวมเฉลี่ยปีละ 20-21 ล้านตัน เป็นการบริโภคในประเทศ 9 ล้านตัน และส่งออก 9 ล้านตัน โดยจะมีข้าวเหลือสะสม 2 ล้านตัน แต่ปีนี้มีข้าวเหลือสะสมในระบบมากกว่า 5 ล้านตันจากข้าวที่รัฐบาลประกาศขายเมื่อปลายปี 2553 ส่วนตลาดส่งออกข้าวถือว่าน่าเป็นห่วงเช่นกัน โดยส่งออกข้าวขาวลดลงหรือเฉลี่ย 2 ล้านตันจากเดิมที่ส่งออกได้ 4-5 ล้านตัน โดยตลาดส่วนใหญ่เป็นของเวียดนาม แต่ภาพรวมการส่งออกปี 2553 ที่ส่งออกได้ถึง 9.03 ล้านตัน ส่วนใหญ่เป็นข้าวนึ่ง แต่หากอินเดียสามารถส่งออกได้อีกครั้ง จะทำให้ภาพรวมการส่งออกข้าวของไทยได้รับผลกระทบแน่นอน
"การบริหารจัดการธุรกิจส่งออกข้าวปีนี้ ต้องเผชิญกับปัญหาการแข่งขันตลาด มีการตัดราคาขายเพื่อระบายข้าวออกจากสต็อก และปัญหาเงินบาทแข็งค่า ในส่วนของบริษัทจะเน้นการประกันค่าเงิน โดยตั้งรับไว้ที่ 30 บาทต่อดอลลาร์ หากมีการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นหรือลดลง สามารถบริหารจัดการไม่ให้ขาดทุนได้ เพราะบริษัทเน้นการถือสต็อกไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ปัจจัยต้นทุนสินค้าไม่ผันแปร สามารถกำหนดราคาขายที่เหมาะสมได้" นายสมพงษ์ กล่าว
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|