น.ส.กอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาข้าวในขณะนี้ว่า ราคาข้าวได้ปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเป็นการปรับตัวสูงขึ้นทุกชนิด เช่น ข้าวหอมมะลิ ข้าวนึ่ง ข้าวเจ้า ข้าวปทุม ราคาสูงขึ้นตันละ 1,000 บาท มีสาเหตุจากในช่วงนี้เป็นช่วงปลายฤดูส่งผลให้ปริมาณข้าวลดลง อีกทั้งโรงสีขนาดใหญ่ได้เพิ่มกำลังการผลิตถึงเดือนละ 1 แสนตัน และมีการรับซื้อข้าวเปลือกไว้เพื่อรอดูนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่
"คาดว่าราคาข้าวที่ปรับเพิ่มขึ้นจากปัจจัยต่างๆ อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาข้าวถุง โดยอาจจะมีการปรับราคาขึ้นได้ เนื่องจากต้นทุนราคาข้าวเปลือกแพงขึ้น อย่างไรก็ตาม คงต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้งว่าทางผู้ประกอบการจะขอปรับขึ้นราคาหรือไม่ ขณะเดียวกันการปรับขึ้นราคาข้าวถุงก็คงต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกรมการค้าภายในที่จะอนุมัติให้มีการปรับขึ้นราคาข้าวถุงหรือไม่ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการปรับราคาข้าวถุง" น.ส.กอบสุขกล่าว
ส่วนแนวโน้มราคาข้าวจะมีการลดลงจากราคาที่เป็นอยู่ในขณะนี้หรือไม่นั้น คงยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างประกอบ ซึ่งปริมาณผลผลิตข้าวใหม่จะออกในช่วงเดือนกรกฎาคม และเมื่อผลผลิตข้าวออกมาแล้วก็ต้องรอดูนโยบายของรัฐบาลจะออกมาอย่างไร โดยทิศทางราคาข้าวก็จะมีการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์อยู่เสมอ
น.ส.กอบสุขกล่าวอีกว่า สำหรับการส่งออกข้าวทั้งปี 2554 คาดการณ์ว่าจะส่งออกได้ปริมาณ 10 ล้านตัน ตามที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าไว้แน่นอน ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยสามารถส่งออกข้าวได้ปริมาณ 1 ล้านตันต่อเดือน อีกทั้งไทยยังสามารถส่งออกข้าวนึ่งได้เพิ่มถึง 70% นอกจากนี้ ยังพบบางประเทศที่มีการนำเข้าข้าวไทยเพิ่มมากขึ้น อาทิ บังกลาเทศ มีการนำเข้าข้าวนึ่งของไทยเพิ่มขึ้นจากที่ไม่เคยนำเข้ามาก่อน โดยนำเข้าข้าวนึ่งจากไทยตั้งแต่ปลายปี 2553 ถึงปัจจุบัน 5-6 แสนตัน และจีนก็มีการนำเข้าไทยเพิ่มขึ้น
ส่วนปัญหาการส่งออกข้าวไทยยังคงมีปัญหาในเรื่องของระบบโลจิสติกส์ แรงงาน รวมทั้งปัญหาเรื่องของการส่งมอบข้าว แต่ปัญหาดังกล่าวก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อปริมาณการส่งออกข้าวของไทย นอกจากนี้ ปัญหาดังกล่าวโดยเฉพาะแรงงานขนข้าว พบว่าขณะนี้ไทยขาดแรงงานกลุ่มนี้มาก ซึ่งท่าเรือทุกจุดในขณะนี้งานแรงงานกลุ่มดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้งานดำเนินการไปอย่างล่าช้า อย่างไรก็ตาม ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล
ที่มา คมชัดลึก
|