นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กล่าวว่า ธนาคารโลกหรือเวิลด์แบงก์ระบุว่าในปีนี้ราคาอาหารของโลกปรับตัวสูงขึ้น 29% ใกล้เคียงกับปี 2551 พร้อมกับเตือนให้หาทางรับมือกับวิกฤติความมั่นคงทางด้านอาหารนั้น ความผันผวนราคาสินค้าเกษตร จะเกิดขึ้นจากปัจจัยต่างๆ มากขึ้นกว่าเพียงแค่ความต้องการบริโภคทั่วไป เช่น การนำอาหารไปทำเป็นพลังงาน ภัยธรรมชาติ โลกร้อน จึงต้องวางแผนงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์

ส่วนสินค้าข้าว ต้องพิจารณาเรื่องการบริหารสต็อกในประเทศไม่ให้ราคาข้าวในประเทศสูงจนประชาชนเดือดร้อน โดยสต็อกข้าวในขณะนี้ประมาณ 1 ล้านตัน ส่วนใหญ่เป็นข้าวเก่าที่ไม่ควรเก็บไว้นานกว่านี้ คณะกรรมการข้าวแห่งชาติ (กขช.) จึงมีมติให้ระบายออกทั้งหมด

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าว กล่าวว่า ไม่คิดว่าราคาข้าวจะพุ่งสูงมาก เชื่อว่าปีนี้ราคาจะเคลื่อนไหวเพิ่มหรือลดลงขึ้นเฉลี่ย 10% โดยราคาเปรียบเทียบช่วงปลายปี 2553- ต้นปี 2554 ราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10-15%

“คิดว่าราคาข้าวปีนี้ไม่น่าจะสูงมาก โดยราคาข้าวขาวเฉลี่ยที่ตันละ 500-580 ดอลลาร์สหรัฐ หรือผันผวนจากนี้ไม่เกิน 10% ขณะที่ปี 2551 ราคาข้าวทะลุไปที่ตันละ 700-800 ดอลลาร์ ปัจจัยปีนั้นกับปีนี้ ต่างกันปีนั้นสต็อกน้อยจริงๆ แต่ปีนี้ปริมาณผลผลิตและความต้องการใกล้เคียงกัน แต่น่าจะเกิดภาวะราคาข้าวเพิ่มสูงขึ้นมาก” นายชูเกียรติ กล่าว

นายสมบัติ เฉลิมวุฒินันท์ ประธานบริษัท เอเซีย โกลเด้น ไรซ์ จำกัด กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่คิดว่าราคาข้าวจะเพิ่มขึ้นรุนแรงมาก เพราะสต็อกข้าวรัฐบาลที่ระบายออกมายังอยู่ในตลาด 4-5 ล้านตัน เป็นตัวช่วยซัพพลายให้ตลาดอยู่ทำให้ราคาไม่ได้ปรับเพิ่มสูงมาก

อย่างไรก็ตาม แทนที่ราคาข้าวจะตกต่ำแต่ปีนี้มีความต้องการจากตลาดใหม่ๆ ได้แก่ บังกลาเทศ ที่ไม่ได้ซื้อข้าวจากอินเดีย ซึ่งยังคงนโยบายห้ามนำเข้าอิหร่าน ที่เริ่มกลับเข้ามาหาซื้อข้าว ส่วนอินโดนีเซีย ประกาศซื้อข้าว 8.2 แสนตันเมื่อต้นปี แต่เป็นการซื้อจากไทย 3.5 แสนตัน ที่เหลือจากเวียดนาม ฟิลิปปินส์ ปีนี้คาดว่าจะซื้อประมาณ 1-1.5 ล้านตัน จากปีก่อนที่นำเข้า 2.5 ล้านตัน
หากเปรียบเทียบราคาช่วงที่ผ่านมา ราคาข้าวเพิ่มขึ้น 10% จากปัจจัยช่วงต่อระหว่างฤดูนาปรังและนาปี ข้าวในตลาดลดลง ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นช่วงสั้นๆ ขณะที่ราคาเฉลี่ยข้าวทั้งปีนี้จะไม่ลดต่ำลงมาก

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ