สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจจัดเสวนา “นโยบายข้าว ว่าที่รัฐบาลใหม่ ประกัน หรือจำนำ ใครได้ใครเสีย” นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นโยบายพรรคประชาธิปัตย์สามารถพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นโครงการประกันรายได้เกษตรกรในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ใช้เงินเพียง 58,000 ล้านบาท แต่สามารถยกระดับประกันรายได้เกษตรกรทุกพื้นที่ค่อนข้างดี เกษตรกรส่วนใหญ่พอใจ ราคาตลาดไม่ตก ไม่ขาดทุน เพราะมีประกันรายได้ปีละ 2 ครั้ง ซึ่งเกษตรกรสามารถรับราคาส่วนต่างและไม่บิดเบือนกลไกตลาด
นายกอร์ปศักดิ์คาดว่าโครงการประกันรายได้จะต้องเดินหน้าต่อเนื่อง 4 ปี เพราะจะทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่มีหนี้สิน และเบื้องต้นโครงการประกันรายได้ของพรรคกำหนดไว้ว่าฤดูกาลผลิตใหม่จะประกันรายได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อตัน และจะเพิ่มรายได้ให้แก่ เกษตรกรอีกร้อยละ 10 จากเดิมประกันราคาที่ 200 บาทต่อตัน เป็น 600 บาทต่อตัน ที่ผ่านมารัฐบาลไม่มีข้าวในมือสักเม็ด ไม่มีปัญหาการทุจริต อีกทั้งไม่มีปัญหาการร้องเรียน แม้จะมีบางช่วงที่เกษตรกรอาจจะขายข้าวราคาต่ำ แต่รัฐบาลก็เร่งหาแนวทางผลักดัน ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลใช้นโยบายให้ผู้ประกอบการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ไม่เข้าไปยุ่งและแทรกแซง แต่จะหาแนวทางอำนวยความสะดวกและสนับสนุน แต่สิ่งที่กังวล คือ อดีตการรับจำนำทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ ซึ่งเป็นภาษีของประชาชนนับแสนล้านบาทโดยเปล่าประโยชน์ ซื้อสินค้าราคาแพง แต่กลับขายสินค้าราคาถูก เกิดการคอร์รัปชั่นและการทุจริตมากมาย ดังนั้น ไม่ว่าโครงการรับจำนำหรือประกันรายได้ของแต่ละพรรคการเมืองก็มีจุดประสงค์ที่จะช่วยเหลือเกษตรกร แต่วิธีการหรือแนวทางปฏิบัติเชื่อว่าทุกพรรคจะต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้
ด้านนายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นโยบายการรับจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทยกำหนดไว้ว่าหากเป็นข้าวเปลือกเจ้าจะอยู่ที่ 15,000 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกหอม ตันละ 20,000 บาท ซึ่งราคาดังกล่าวสะท้อนและบวกต้นทุนต่างๆ ให้เกษตรกรเรียบร้อยแล้ว ต่างจากโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตรรัฐบาลจะไปจัดการทั้งประเทศได้ยาก เพราะสินค้าเกษตรเน่าเสียเร็ว ชะลอผลผลิตก็เป็นไปได้ยาก หากภาครัฐไม่ดำเนินการก็จะล้นตลาด ซึ่งสินค้าเกษตรเกี่ยวข้องกับคนไทยครึ่งประเทศ ภาครัฐจึงต้องเข้าไปแทรกแซง
นายวัฒนา กล่าวอีกว่า นโยบายพรรคเพื่อไทยต้องการสร้างความเข้มแข็งด้วยการผ่านโครงการรับจำนำและมอบบัตรเครดิตให้เกษตรกรเป็นทุนหมุนเวียนนำไปซื้อผลิต ซึ่งจะลดปัญหาการกู้เงินนอกระบบ โดยชาวนาที่เข้าร่วมโครงการจะมีข้าวเป็นหลักประกัน ซึ่งจะใช้ข้าวเป็นตัวชี้วัด ดังนั้น การกำหนดราคา 15,000 บาท ถือว่าเกษตรกรสามารถขายข้าวให้กับภาครัฐราคาดังกล่าว และเชื่อว่าราคาข้าวในประเทศที่มีราคาสูงและนิ่งจะทำให้ผู้ส่งออกสามารถบวกราคาและทำตลาดข้าวในตลาดโลกได้สูง หากกำหนดราคาข้าวในประเทศต่ำ ผู้นำเข้าข้าวไทยเมื่อรู้ราคาในประเทศและบวกราคาเพิ่มราคาที่ขายในตลาดโลกก็จะไม่สูงอย่างที่คิด สิ่งเหล่านี้เกษตรกรจะได้ราคาต่ำ เช่น ประกันรายได้ แม้รัฐบาลกำหนดราคาข้าว แต่เมื่อขายในตลาดแท้จริงจะอยู่ที่ 5,000-8,000 บาท โดยเกษตรกรจะได้ส่วนต่าง แต่การทำตลาดต่างประเทศกลับไม่ได้สูงขึ้น อีกทั้งพรรคมีการประกันพืชผลทางการเกษตรที่ประสบปัญหาภัยธรรมชาติ พรรคประชาธิปัตย์กำหนดไว้ 2,000 บาทต่อตัน แต่พรรคเพื่อไทยกำหนด 4,000 บาทต่อตัน พรรคไทยรักไทยในอดีตสามารถยกระดับราคาสินค้าเกษตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ แม้จะใช้เงินภาษีการรับจำนำค่อนข้างสูง แต่ถือว่าเกษตรกรส่วนใหญ่สามารถขายสินค้าเกษตรได้ราคาที่เหมาะสม
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ อดีตนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า นโยบายของพรรคการเมืองไม่ว่าประกันรายได้หรือรับจำนำก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ใครจะมาเป็นรัฐบาลจะต้องไม่ทำให้ตลาดบิดเบือน หรือราคาข้าวสูงเกินจริง เพราะจะทำให้เป็นอุปสรรคต่อการส่งออก แม้ไทยจะเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก แต่มีคู่แข่งจากประเทศคู่ค้า เช่น เวียดนาม กัมพูชา พม่า เพราะประเทศเหล่านี้เริ่มหันมาผลิตข้าวคุณภาพดี หากไทยยังคงกำหนดราคาตลาดที่บิดเบือนอาจจะทำให้ประเทศคู่แข่งสามารถทำตลาดและสร้างกำไรได้ ยอมรับการกำหนดราคาข้าวเปลือก 15,000 บาทต่อตัน เมื่อทำเป็นข้าวสารจะอยู่ที่ 850 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ถือว่าค่อนข้างสูง เพราะหากเกิน 800 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน การทำตลาดจะค่อนข้างลำบาก
“อยากให้พรรคการเมืองหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรอย่างจริงจัง ไม่ว่าโครงการประกันหรือรับจำนำถือเป็นโครงการที่ดี แต่จะต้องไม่ทำให้กลไกตลาดบิดเบือนมากเกินไป” นาย ชูเกียรติ กล่าว
นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่พรรคการเมืองกำหนดราคาข้าวทั้งโครงการประกันรายได้และรับจำนำค่อนข้างสูง เพราะเป็นโครงการเพ้อฝัน การกำหนดราคาสูงจะทำให้ต้นทุน เช่น ปุ๋ยเคมี เพิ่มเป็น 20,000 บาทต่อตัน ยาปราบศัตรูพืชขวดละ 250 บาท เป็น 700 บาทสิ่งเหล่านี้ยังไม่มีพรรคการเมืองใดบอกว่าจะให้ความช่วยเหลือ จึงมองว่าใครที่จะมาเป็นรัฐบาลน่าจะประกาศแนวทางสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพให้เกษตรกรอยู่ดีกินดี มีสังคมดีขึ้น มีการศึกษาดี มีความมั่นคง จึงไม่เห็นด้วยกับการที่พรรคการเมืองกำหนดราคาข้าวจะอยู่ที่ 15,000 บาท และ 20,000 บาท รวมทั้งการแจกบัตรเครดิตที่ให้เกษตรกรทั่วประเทศใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพราะจะเป็นการสร้างนิสัยไม่ดีให้เกษตรกร มีการใช้จ่ายซ้ำซ้อน ใช้เงินเกินตัว และมีหนี้มากขึ้น หลังจากนี้สมาคมที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตรจะจัดทำยุทธศาสตร์การกินดีอยู่ดีของภาคการเกษตร เพราะไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล จะนำเสนอยุทธศาสตร์เหล่านี้ให้ไปดำเนินการแก้ไข หากไม่สามารถดำเนินการได้ก็จะทวงถาม ยอมรับว่ายังไม่มีพรรคใดสร้างเกษตรกรให้อยู่ดีกินดี
ที่มา สำนักข่าวไทย
|