นายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดทำข้าวถุงธงฟ้าราคาประหยัดว่า จะเริ่มขายได้ในต้นสัปดาห์หน้า  โดยขณะนี้คณะทำงานได้อนุมัติราคาขายส่งแล้วถุงละ 100 บาท และขายปลีกไม่เกิน 110 บาท พร้อมกับมอบให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ประสานค้าปลีกและร้านค้าทั่วไปเพื่อนำไปวางจำหน่ายได้โดยเร็ว โดยจะทยอยออกสู่ตลาดให้ครบ 20 ล้านถุง ภายในต้นปี 55  ส่วนการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลกำลังเจรจาขายแบบจีทูจีกับรัฐบาล 2-3 ประเทศ
   
“การดำเนินการทำข้าวถุงเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 54 โดยอนุมัติข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาล 1 แสนตัน ซึ่งจะเป็นข้าวขาว 5% สำหรับจัดทำข้าวถุงธงฟ้าจำหน่ายให้กับประชาชน ในกรณีข้าวถุงขาดแคลนจากความวิตกกังวลของประชาชนจากสถานการณ์น้ำท่วม โดยจะมีการจำหน่ายในราคาตลาด เพื่อไม่ให้ระบบธุรกิจปกติได้รับผลกระทบ ซึ่งการพิจารณาบรรจุถุงนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับ องค์การคลังสินค้า ตามความจำเป็น”
   
นายภูมิ กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลรับจำนำข้าวเมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้อนุมัติให้เปิดรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 54/55 แบบยุ้งฉางในภาคอีสานและภาคเหนือเพิ่ม เพื่ออำนวยความสะดวกแก่เกษตรกรและลดปัญหาจุดรับจำนำข้าวไม่เพียงพอกับปริมาณผลผลิตข้าวเปลือกที่จะออกมาจำนวนมากกว่า 50% ในปลายเดือนพ.ย.-ธ.ค.นี้ โดยเริ่มเปิดจำนำยุ้งฉางในราคาเท่ากับจำนำแบบใบประทวน ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.54 เป็นต้นไป
   
ทั้งนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะเพิ่มรายละเอียดและข้อตกลงพิเศษของการรับจำนำยุ้งฉางกับเกษตรกร เพื่อป้องกันการทุจริตปลอมปนข้าว โดยมั่นใจว่าเงื่อนไขที่เพิ่มเติมจะช่วยลดความเสียหายของการรับจำนำยุ้งฉาง ซึ่งที่ผ่านมาเคยเกิดความเสียหายขึ้นถึง 40-50% จากจำนวนข้าวที่รับจำนำยุ้งฉาง 7 แสนตันและยังได้อนุมัติเปิดจุดรับจำนำข้ามเขตแล้ว 31 แห่ง ใน 5 จังหวัด ได้แก่  ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร กาฬสินธุ์ ลำพูน โดยปัจจุบันมีข้าวเข้าโครงการตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.-14 พ.ย.นี้ แล้ว 8 แสนตัน
   
“การเปิดรับจำนำยุ้งฉางและเปิดโรงสีรับจำนำข้ามเขต เป็นวิธีการแทรกแซงราคาข้าวให้สูงขึ้น และลดแรงกดดันจากกลุ่มพ่อค้าและโรงสีบางส่วนที่ไม่ได้เข้าโครงการ จนเป็นเหตุให้ระบบการรับจำนำข้าวติดขัด และเกิดการบีบราคารับซื้อข้าวราคาต่ำจากชาวนา จนทำให้ราคาข้าวในตลาดไม่ขยับขึ้นและต่ำกว่าราคาจำนำตันละ 2,000-3,000 บาท ทั้ง ที่รัฐเปิดรับจำนำข้าวสูงถึงตันละ 15,000-20,000 บาท”
   
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้เห็นชอบการเปิดรับจำนำยุ้งฉางตามที่กลุ่มโรงสีเสนอมาตั้งแต่เปิดโครงการ โดยอ้างเรื่องการทุจริตที่ง่ายต่อการปลอมปนข้าวด้อยคุณภาพกว่าข้าวหอมมะลิ เพื่อเอาส่วนต่างราคาตันละ 2,000-3,000 บาท และเป็นการเปิดโอกาสนำเข้าข้าวเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิชาวนาเจ้าของยุ้งฉางเพื่อรับส่วนต่างสูงถึงตันละ 3,000-4,000 บาท แต่ปรากฏว่าโรงสีกว่าครึ่งของพื้นที่ไม่ยอมเข้าร่วมโครงการรับจำนำ ประกอบกับรัฐบาลยังไม่ได้ปลดล็อกโรงสีถูกขึ้นบัญชีดำและเป็นคดีอีกกว่า 100 บริษัท จนทำให้จำนวนโรงสีข้าวเข้าโครงการน้อยกว่าปกติ 40% จึงเป็นแรงกดดันให้กระทรวงพาณิชย์ต้องอนุมัติเปิดรับจำนำยุ้งฉาง และอาจมีผ่อนปรนเงื่อนไขอื่นเพิ่มเติม เช่น การเพิ่มค่าสีแปร และการส่งมอบชนิดข้าวหลังสีแปรเพื่อเป็นการจูงใจให้โรงสีเข้าร่วมโครงการจำนำ
   
ส่วนปัญหาราคาข้าวนาปีที่ไม่ปรับเพิ่มขึ้นแม้จะมีโครงการรับจำนำมา 1 เดือน เนื่องจากตลาดยังมีข้าวอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้สามารถซื้อข้าวในตลาดได้ อีกทั้งต่างประเทศยังรอดูนโยบายการระบายสต๊อกข้าวของรัฐบาล เพราะคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะทยอยเปิดระบายข้าวทุก ๆ 3 เดือน เนื่องจากหากเก็บข้าวไว้ในสต๊อกมากเกินไปต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก และสต๊อกอาจมีไม่เพียงพอต่อการเก็บข้าวตามนโยบายของรัฐ ดังนั้นจะต้องหมุนเวียนและระบายข้าวออกมาในตลาด จึงทำให้ตลาดไม่เกิดการตื่นตัวแย่งซื้อข้าวและราคาข้าวไม่ปรับสูงขึ้น ที่สำคัญผู้ซื้อต่างชาติยังมีทางเลือกซื้อข้าวจากเวียดนาม และอินเดีย ที่ราคาข้าวถูกกว่าไทย

ที่มา เดลินิวส์