www.thairiceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

"กิติรัตน์"ย้ำยังไม่กำหนด"เป้าหมาย"จำนำ


นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ พร้อมด้วยนายภูมิ สาระผล และนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รมช.พาณิชย์ ได้เดินทางเข้ากระทรวงวันแรก โดยกล่าวว่า หลังแถลงนโยบายรัฐบาลแล้วจะมีความชัดเจนเรื่องโครงการจำนำข้าว ตันละ 15,000 บาท และข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 20,000 บาท โดยจะเริ่มในฤดูผลิตข้าวเปลือกนาปี ในปี 2554/2555 แบบไม่กำหนดเป้าหมายรับจำนำ แต่จะติดตามราคาก่อนหากราคาข้าวในตลาดใกล้เคียงกับราคาจำนำ หรือสูงกว่า ก็อาจจะหยุดรับจำนำ

นอกจากนี้ อาจกำหนดให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) รับซื้อข้าวจากเกษตรกรเพื่อมาส่งออกในลักษณะรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ด้วย ซึ่งขณะนี้ มีหลายประเทศติดต่อขอซื้อข้าวแบบจีทูจีมาแล้ว ส่วนการบริหารจัดการสต็อกข้าวของรัฐบาลนั้น คงจะทยอยขายและไม่ปล่อยให้ข้าวล้นสต็อก เพราะอาจฉุดราคาลงได้

ส่วนนโยบายประกันราคาราคาข้าวของรัฐบาลชุดก่อนไม่ได้เป็นราคานำตลาด และไม่มีแรงจูงใจให้ซื้อข้าวในตลาดเพื่อดันราคาข้าวให้สูงขึ้น เพราะผู้ส่งออกพอใจกับราคาข้าวต่ำ ขณะที่เกษตรกรพอใจเงินชดเชยที่รัฐบาลจ่ายให้ แต่การรับจำนำจะทำให้ราคาข้าวไทยสูงขึ้น

การประกันราคาข้าว ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพอใจหมด ยกเว้นรัฐบาลที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น แม้จะเป็นนโยบายที่ดี แต่ก็ไม่ทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น ดังนั้น รัฐบาลนี้จะพยายามเพิ่มรายได้เกษตรกร และทำให้ราคาข้าวไทยสูงขึ้น ส่วนการทุจริตในโครงการรับจำนำนั้น ยืนยันว่าไม่มีแน่นอน นายกิตติรัตน์กล่าว

สำหรับการลดพึ่งพาการส่งออกนั้น นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ยังต้องผลักดันการส่งออกเหมือนเดิม แต่จะเพิ่มการบริโภคในประเทศมากขึ้น หากสามารถปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เงินเดือนปริญญาตรี และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรได้ตามเป้าหมาย จะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปีหน้าเพิ่มขึ้นได้ 1%

ส่วนผลกระทบต่อเงินเฟ้อ ไม่น่าห่วง เพราะการเพิ่มรายได้อาจทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้คนมีรายได้น้อยต้องอดทนเพื่อให้เงินเฟ้ออยู่ระดับต่ำ ซึ่งการแถลงนโยบายรัฐบาล จะไม่เน้นคำว่าเงินเฟ้อ แต่จะใช้คำว่าค่าครองชีพและกำลังซื้อประชาชนแทน

นายกิตติรัตน์ ยังกล่าวถึง การดูแลราคาสินค้าว่า จะเน้นสร้างเสถียรภาพราคาไม่ใช่กำหนดให้ราคาสูงหรือต่ำสุดโต่ง ซึ่งแนวทางหนึ่งที่จะนำมาใช้คือเพิ่มจำนวนผู้ผลิตหรือผู้เล่นในตลาดสินค้า เพื่อทำให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น โดยภาครัฐจะเข้าไปช่วยให้กลไกตลาดสมบูรณ์ด้วยจำนวนผู้แข่งที่มากขึ้น

วันเดียวกัน คณะผู้บริหารสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้เข้าพบ รมว.พาณิชย์ นายดุสิต นนทะนาคร ประธานหอการค้าฯ กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลเน้นความโปร่งใสในการทำงานมากที่สุด โดยภาคเอกชนเป็นห่วงเรื่องการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติจริง เพราะเท่าที่เห็นร่างนโยบายรัฐบาลจะพบว่าตรงกับยุทธศาสตร์ที่หอการค้าเสนอรัฐบาลราว 80% เช่น เรื่องข้าว โลจิสติกส์ การค้าชายแดน รวมถึงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)

นายกิตติรัตน์ ย้ำอีกว่านโยบายของรัฐบาลโดยเฉพาะการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำให้ภาคแรงงาน และยกระดับราคาสินค้าเกษตร ซึ่งเอกชนมองว่าเป็นการเพิ่มภาระต้นทุน ขณะที่แนวทางการทำงานของรัฐบาลต้องการดูแลภาพรวมเศรษฐกิจและรายได้ของคนทั้งประเทศ ซึ่งแม้การเพิ่มรายได้ขั้นต่ำจะกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าอยู่บ้าง แต่เมื่อประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็จะสามารถจับจ่ายซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นด้วย

ราคาสินค้านั้น มักมีปัญหาเมื่อต้นทุนวัตถุดิบลดลง แต่ราคาสินค้ากลับไม่ได้ลดตาม คงต้องทบทวน โดยเน้นปรับขึ้นและลดราคาตามกลไกตลาด หลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายแล้ว 4 สินค้าหลัก ได้แก่ เหล็ก ปุ๋ย ยางรถยนต์ และแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นสินค้าที่ราคาผูกติดกับราคาวัตถุดิบในตลาดโลก คงต้องมีการพิจารณาต้นทุนที่แท้จริง แต่จะให้ปรับขึ้นหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

TREA on Facebook


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@thairiceexporters.or.th


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.