น.ส.กอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า เป็นห่วงว่าหากมีการนำวิธีจำนำข้าวกลับมาใช้อีก อาจทำให้ต้นทุนข้าวไทยปรับสูงขึ้นจนไม่เป็นไปตามกลไกตลาด และส่งผลให้ผู้ซื้อข้าวในต่างประเทศหันไปซื้อข้าวกับประเทศอื่นและทำให้การส่งออกข้าวไทยลดลง ซึ่งผู้ส่งออกข้าวส่วนใหญ่ยอมรับในนโยบายประกันราคาข้าวมากกว่าการจำนำข้าว เนื่องจากทำให้กลไกตลาดทำงานได้ไม่บิดเบือน
   
“การจำนำข้าวจะส่งผลให้ต้นทุนข้าวของไทยสูงขึ้นและบิดเบือนกลไกตลาด ซึ่งขอให้รัฐบาลใหม่เร่งลดต้นทุนให้กับเกษตรกรด้วย โดยการส่งออกข้าวในครึ่งปีแรกมีปริมาณส่งออกแล้วเกือบ 6 ล้านตัน ทำให้คาดว่าในปีนี้ไทยจะสามารถส่งออกข้าวได้เกินกว่า 10 ล้านตัน แต่หากว่าโครงการรับจำนำกำหนดราคาสูงมากอาจทำให้ปีนี้การส่งออกข้าวไทยไม่เป็นไปตามเป้าหมายได้”
   
ราคาข้าวของไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยราคาข้าวเปลือกเจ้าตันละ 9,000-9,500 บาท ส่งผลให้ราคาข้าวส่งออกปรับขึ้นอยู่ที่ตันละ 580-590 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูกาลผลิต ประกอบกับมีข่าวว่ากลุ่มโรงสีบางแห่งเริ่มซื้อข้าวตุนเพื่อเก็งกำไรในนโยบายรับจำนำ
   
นายเจเรมี สเวเกอร์ ประธานกรรมการบริหาร เดอะไรซ์ เทรดเดอร์ สหรัฐ กล่าวว่าการส่งออกข้าวจาก 5 ประเทศสำคัญ เช่น ไทย เวียดนาม อินเดีย ปากีสถาน ที่ไตรมาส 1 เพิ่มขึ้น 15% และในไตรมาส 2 ขยายตัวใกล้เคียงกัน เฉพาะประเทศไทยมีการส่งออกข้าว 5.7 ล้านตัน ในปีนี้ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นถึง 60.36% ซึ่งเป็นช่วงการส่งออกที่ดีที่สุดของไทย และคาดว่าปีนี้ไทยน่าจะส่งออกได้ 14 ล้านตัน แต่ยังต้องจับตามองปัจจัยการเมืองภายในประเทศ และความชัดเจนทางการเมืองหรือนโยบายการบริหารราคาข้าวจะเป็นอย่างไร

ที่มา เดลินิวส์