แหล่งข่าววงการค้าข้าว เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าจากการที่องค์กรสำรองข้าวประเทศอินโดนีเซีย (บลูล็อก) เปิดประมูลซื้อข้าวปลายเดือนธันวาคม 2553 ที่ผ่านมาปริมาณ 230,000 ตัน และผู้ส่งออกไทยได้ยื่นประมูลซื้อในนามบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด ผลปรากฏว่าชนะประมูลข้าวขาว5% ที่ตันละ 567 ดอลลาร์สหรัฐฯซีไอเอฟ (ราคาสินค้าบวกค่าขนส่ง ประกันภัย) หรือคิดเป็นเฉพาะราคาข้าวประมาณตันละ 542 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ทั้งนี้ข้าวจำนวนดังกล่าวหลังจากที่ชนะประมูลแล้วได้แบ่งให้กับผู้ส่งออกข้าวอีก 4 รายประกอบด้วยบริษัทนครหลวงค้าข้าว จำกัด บริษัท เอเซียโกลเด้นไรซ์ จำกัด บริษัท ข้าวไชยพร จำกัด สัดส่วนรายละ 40,000 ตัน บริษัท ไทยฟ้า (2511) จำกัด 30,000 ตัน และบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด 80,000 ตัน เวลานี้ผู้ส่งออกทั้ง 5 รายได้ส่งมอบเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม โดยแต่ละรายจะมีกำไรตันละประมาณ 40 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นกำไรรวมทั้งสิ้นราว 28 ล้านบาท

"เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้ส่งออกรายใหญ่ทั้ง 5 ราย ขายข้าวมีกำไรตันละ 40 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ราคาข้าวสารภายในกลับไม่สูงขึ้นแต่อย่างใด เพราะราคาดังกล่าวจะทำให้ราคาข้าวภายในตกกระสอบละ 1,600 บาท หรือตันละ 16,000 บาท แต่เวลานี้ราคาข้าวที่ผู้ส่งออกซื้อจากโรงสีตันละ ....บาทเท่านั้น มีผู้ส่งออก 1 ใน 5 ราย อ้างว่าเหตุที่ราคาข้าวยังไม่ขึ้นเพราะว่ารัฐบาลได้ปล่อยข้าวสต๊อกออกมาและมาดัมพ์ขายภายใน จนราคาส่งออกไม่สามารถดันราคาข้าวภายในให้สูงขึ้นได้"

แหล่งข่าวเผยเพิ่มเติมว่าต้นเดือนมกราคม ที่ผ่านมาบลูล็อกได้เปิดประมูลซื้อข้าวอีกครั้ง ปริมาณ 170,000 ตัน และการเปิดประมูลครั้งนี้ผู้ส่งออกไทยทั้ง 5 รายได้เสนอราคา แต่ต่างคนต่างเสนอไม่ได้รวมกันเหมือนครั้งก่อน ทำให้มีปริมาณการเสนอขายข้าวให้กับบลูล็อกโดยผู้ส่งออกไทยปริมาณรวมกันมากกว่า 800,000 ตัน และไม่ทราบว่าใครเสนอราคาเท่าใด หากเป็นการขายตัดราคากันเท่ากับว่าเป็นการแข่งกันขายระหว่างผู้ส่งออกด้วยกันเอง ซึ่งทำให้ไม่เป็นผลดีเพราะอาจทำให้บลูล็อกตัดสินใจไม่ซื้อเลยก็เป็นได้ ซึ่งต้องลุ้นว่าบลูล็อกจะตัดสินใจซื้อกับบริษัทใด

"ช่วงนี้คาดว่าอินโดนีเซียจะยังมีความต้องการนำเข้าข้าวต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง เพราะผลผลิตข้าวอินโดนีเซียจะมีการเก็บเกี่ยวเดือนมีนาคม แต่การที่ผู้ส่งออกต่างคนต่างโลภมาก ดังจะเห็นได้จากต่างคนต่างเสนอขาย เพราะเห็นว่าขายครั้งก่อนได้กำไรดี หวังจะทำกำไรคนเดียว แต่สุดท้ายอาจจะไม่ได้ขายเลยก็เป็นได้"

แหล่งข่าวกล่าวตอนท้ายว่าสำหรับการขายข้าวให้กับอินโดนีเซีย ของกระทรวงพาณิชย์นั้น เดิมมีการเจรจาขายถึง 500,000 ตัน แต่เนื่องจากอินโดนีเซียต้องการข้าวใหม่ สุดท้ายสามารถขายได้เพียง 50,000 ตันเท่านั้น และข้าวจำนวนนี้กระทรวงพาณิชย์ได้มอบให้กับบริษัท ข้าวไชยพร จำกัด เป็นผู้ปรับปรุงเพื่อส่งมอบให้กับอินโดนีเซียแต่เพียงผู้เดียว ราคาค่าปรับปรุงตันละ 2,000 บาท ทำให้บริษัท ข้าวไชยพรฯ มีกำไรจากการปรับปรุงครั้งนี้ตันละ 500-1,000 บาท เพราะปกติการปรับปรุงข้าวหากเป็นการปรับปรุงปกติอยู่ที่ตันละ 1,100 บาท แต่ถ้าปรับปรุงคุณภาพดีสีขาวประมาณตันละ 1,500 บาท

่ที่มา ฐานเศรษฐกิจ