นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงความพร้อมในการเปิดรับจำนำข้าวที่จะเริ่มในวันที่ 7 ต.ค.นี้ ว่า รัฐบาลยังยืนยันกำหนดการเดิม แม้จะมีปัญหาน้ำท่วมหลายจังหวัดจนมีพื้นที่ปลูกข้าวเสียหายถึง 4 ล้านไร่แล้ว แต่กำลังศึกษาแนวทางที่จะยืดเวลาการรับจำนำออกไปอีก เพื่อให้ชาวนาที่ถูกน้ำท่วมและสามารถฟื้นฟูได้มีโอกาสนำข้าวมาเข้าโครงการรับจำนำได้ทัน ขณะเดียวกันชาวนาที่เสียหายจากน้ำท่วมจะได้รับการเยียวยาด้วยเงินชดเชยตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติไปแล้ว ซึ่งจากเหตุการณ์น้ำท่วมหนักก็อาจจะทำให้ไม่มีข้าวมาจำนำมากนัก รัฐบาลจะดูแลไม่ให้มีปัญหาทั้งราคาและปริมาณข้าวในตลาด โดยจะทำโครงการข้าวถุงธงฟ้าอย่างต่อเนื่อง

นายกิตติรัตน์กล่าวถึงมาตรการป้องกันการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ว่า ได้มีทีมตรวจสอบถึง 15 ทีม จากตัวแทนหลายหน่วยงาน ทั้งกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นต้น โดยจะทำหน้าที่ตรวจสอบการนำข้าวเปลือกจากต่างประเทศมาสวมสิทธิ์ เพราะถือว่าสำคัญมาก เพราะจะกระทบต่อพันธุ์ข้าวของไทยที่มีคุณภาพดีกว่า

ส่วนข้อกังวลที่ว่าจะมีการสวมสิทธิ์เกษตรกรที่ถูกน้ำท่วมนั้น นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ระบบการชดเชยพื้นที่นาข้าวเสียหายไร่ละ 2,222 บาทต่อไร่ จะทำให้ปัญหานี้น้อยลง เพราะจะทำให้เช็กข้อมูลเกษตรกรได้ อย่างไรก็ตาม โครงการรับจำนำครั้งนี้อยู่ในสายตาของสื่อมวลชนและนักวิชาการทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย จึงเชื่อว่าจะมีหลายคนช่วยตรวจสอบ และรัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด

นายกิตติรัตน์กล่าวถึงภาวะตลาดหุ้นไทยว่า คาดว่าวันที่ 26 ก.ย. ตลาดน่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้น หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมาราคาหุ้นในตลาดตกลงอย่างมาก เพราะนักลงทุนกังวลปัญหาหนี้ของยุโรปที่ยังไม่มีมาตรการแก้ปัญหา ซึ่งตลาดหุ้นไทยถือว่าโชคดีที่เกิดในช่วงวันหยุด ทำให้นักลงทุนมีเวลาไตร่ตรอง ดังนั้น จึงชื่อว่าเปิดตลาดหุ้นวันที่ 26 ก.ย. ราคาหุ้นไม่น่าจะตกลงแรงเหมือนกับวันศุกร์ที่ผ่านมา

นางนารีณัฐ รุณภัย รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่า จากการประเมินความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมล่าสุดของสศก. ในช่วงต้นเดือนก.ย.54 พบว่ามีพื้นที่ทางการเกษตรถูกน้ำท่วมทั้งสิ้นประมาณ 4 ล้านไร่ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปลูกข้าวประมาณ 3.6 ล้านไร่ ซึ่ง สศก.คาดว่าเบื้องต้นจะมีผลผลิตข้าวเสียหายประมาณ 5.4 แสนตันข้าวเปลือก มูลค่าข้าวเสียหายประมาณ 3,400 ล้านบาท ส่งผลให้ผลผลิตข้าวนาปีฤดูกาล 54/55 นี้ ลดลงเหลือประมาณ 24.46 ล้านตันข้าวเปลือก จากเดิมที่คาดว่าจะมีผลผลิต 25 ล้านตันข้าวเปลือก

สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 54/55 นั้น สศก.ประเมินว่าจะมีเกษตรกรนำข้าวมาเข้าร่วมโครงการจริงเพียงไม่กี่ล้านตัน เนื่องจากจุดรับจำนำข้าว คือ โรงสี ไม่ได้มีครบทุกจังหวัด ชาวนาซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายย่อย มีปริมาณข้าวในมือน้อย ก็จะไม่มีแรงจูงใจในการขนข้าวไปยังจุดรับจำนำ เพราะไม่คุ้มกับต้นทุนการขนส่ง

ที่มา ข่าวสด