นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบและติดตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ฤดูกาลผลิตนาปี 2554/55 ว่าได้จัดเตรียมแนวทางและมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตในระหว่างโครงการรับจำนำ และเพื่อเป็นการป้องกันการสวมสิทธิ และลักลอบนำเข้า สั่งการให้กรมการค้าภายใน (คน.) ตรวจสอบสต๊อกข้าวของโรงสีทั่วประเทศ ทั้งที่เข้าร่วมโครงการและไม่ได้เข้าร่วมโครงการ และขอมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) แจ้งปริมาณครอบครองข้าวในสต๊อกทั้งหมดก่อนและหลังโครงการรับจำนำ ส่วนการป้องกันลักลอบนำเข้าข้าวตามชายแดน ที่มีพื้นที่ติดชายแดน 32 จังหวัด สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศ (คต.) ออกประกาศเข้มงวดการห้ามนำเข้าข้าวเปลือกและข้าวสารทุกชนิด และห้ามเคลื่อนย้ายข้าวข้ามเขต ยกเว้นข้าวชนิดที่ได้รับอนุญาตตามกรอบความตกลงเปิดเสรีอาเซียน (อาฟต้า) เฉพาะปลายข้าวและข้าวที่ใช้ในอุตสาหกรรม
ต้องตรวจสอบเป็นพิเศษในพื้นที่น้ำท่วม เพราะมีข้าวเสียหายก็อาจนำข้าวโรงสีมาสวมสิทธิ และการขนย้ายข้าวตามจังหวัดชายแดน พบพฤติกรรมพ่อค้าขายข้าวมีการขนย้ายข้าวผิดปกติ ก็จะมีทีมเฉพาะกิจออกตรวจสอบและเข้มงวดต่อการขนย้าย รวมถึงตรวจสอบสัญญาซื้อขายข้าวตามชายแดนให้มากขึ้น และได้ให้ทีมตรวจสอบเฉพาะกิจ 15 ชุดลงพื้นที่เตรียมพร้อมป้องกันการทุจริตและการสวมสิทธิได้ทันทีเมื่อเปิดรับจำนำ 7 ตุลาคมนี้
นายภูมิกล่าวว่า นอกจากนี้ มอบหมายให้อนุกรรมการรับจำนำข้าวจังหวัด ได้ตรวจสอบความพร้อมของโรงสี ทั้งในด้านเครื่องวัดความชื้นต้องมี 2 เครื่อง หลักทรัพย์ค้ำประกัน ติดตั้งกล้องวงจรปิด และการจัดเก็บข้าว นอกจากนี้ การเปิดรับจำนำจะตรวจเช็กปริมาณรับจำนำข้าวจากชาวนาแต่ละราย จากหนังสือรับรองเกษตรกร และข้อมูลธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.)
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีชาวนาในพื้นที่น้ำท่วมขอเลื่อนเวลารับจำนำออกไปอีก 1-2 เดือนหลังสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ว่า ต้องนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าว (กขช.) ว่าจะพิจารณาให้พื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วมขังนานและข้าวเสียหายทั้งหมดจนต้องเพาะปลูกทดแทนใหม่หลังน้ำลด แต่เก็บเกี่ยวไม่ทันเดือนกุมภาพันธ์ ก็อาจเลื่อนให้อีก 1-2 เดือน เช่น พื้นที่นาในจังหวัดสุโขทัย ชัยนาท พิษณุโลก พิจิตร เป็นต้น
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
|