นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยกรณีการออกมาวิจารณ์นโยบายรับจำนำข้าวของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ว่า หากถามโดยส่วนตัวก็คงเป็นมิติเก่า เพราะมิติใหม่วัตถุประสงค์ของระบบรับจำนำข้าวนั้น ต้องการให้ชาวนาได้รับประโยชน์โดยตรงที่ไม่ผ่านระบบกลาง

ส่วนจะเชิญคนที่วิพากษ์วิจารณ์ อาทิ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร และนายอัมมาร สยามวาลา อดีตประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ (ทีดีอาร์ไอ) มาหารือหรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ทำงานเรื่องนี้อยู่ มีการพูดคุยกันบ้างอยู่แล้ว สำหรับข้อห่วงใยในส่วนของนโยบายรับจำนำข้าวของเดิมนั้นจะนำเอาปรับปรุงในครั้งนี้ด้วย

นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า กรณี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเพราะจะสร้างความเสียหายเกือบ 2.5 แสนล้านบาทนั้น มั่นใจว่าการดำเนินโครงการนี้จะไม่ขาดทุน คนที่ออกมาวิจารณ์รู้หรือไม่ว่า วงเงิน 4 แสนล้านบาท ที่นำมาใช้ดำเนินการเป็นเงินหมุนเวียน ไม่ใช่เงินงบประมาณ เมื่อขายข้าวได้ รัฐบาลก็จะมีรายได้กลับคืนมา และมั่นใจว่าสามารถขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐได้ในราคาที่เหมาะสมกับราคาที่รับจำนำ

"รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลเกษตรกร 6 ล้านครัวเรือน ให้มีความสุขมีคุณภาพชีวิตที่ดี ปล่อยไปตามยถากรรมไม่ได้ ถ้าทำแบบนั้น จะมาเป็นรัฐบาลทำไม ผมอ่านความเห็น ม.ร.ว.ปรีดิยาธรแล้ว ซึ่งยืนยันว่าเราจะดำเนินงานมีความซื่อตรงโปร่งใส" นายกิตติรัตน์ กล่าว

ส่วนจะเชิญนักวิชาการที่คัดค้านมาหารือหรือไม่ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาได้คุยกับนักวิชาการหลายคน แต่ยอมรับว่าไม่อาจเปลี่ยนความคิดได้ เป็นไปได้ว่าคนเราขาดความเชื่อมั่นไปแล้ว แต่ตนไม่เชื่อ ว่าเราจะแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันไม่ได้

รัฐบาลจะดูแลตั้งแต่ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ผ่านการรับรองจากข้าราชการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานอนุกรรมการรับจำนำระดับจังหวัด มีคณะกรรมการ 15 คณะเข้ามาร่วมตรวจสอบ

ขณะที่กระบวนการรับจำนำ กระบวนการสีแปร ก็จะดำเนินการเป็นขั้นตอน มีทีมงานในการระบายข้าว ไม่ต้องกังวลว่ารัฐบาลเป็นรายเดียวที่ซื้อข้าว ซึ่งการบริโภคภายในเดือนละ 5-6 แสนตัน ก็ได้รับการยืนยันจากผู้ค้าว่าพร้อมจะดำเนินการปกติ

"หลายท่านบอกว่า ระวัง ราคาข้าวจะไม่ไปไหน รัฐบาลจะขาดทุน มั่นใจเถอะครับ เราสามารถทำได้ ของเรามีคุณภาพ แต่ในขณะเดียวกันหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผมก็ต้องดูแล ไม่ให้ราคาข้าวในประเทศที่ผู้บริโภคในประเทศจะต้องซื้อสูงเกินไป"

ส่วนกรณีอดีตผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) ลงนามขายข้าวให้อินโดนีเซียนั้น ในสัญญาจะเป็นผลก็ต่อเมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงนามรับรอง แต่ตนไม่รับรอง เพราะราคาที่พูดเป็นราคาที่ไม่ได้สอดคล้องกับราคาข้าวเปลือกที่รัฐบาลรับจำนำ

นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ข้าวที่เข้าร่วมโครงการจะไม่ได้มีจำนวนมากถึง 27 ล้านตันตามที่คาดการณ์ เพราะชาวนาต้องเก็บข้าวส่วนหนึ่งไว้บริโภค เก็บทำพันธุ์ข้าว และน่าจะมีชาวนาบางส่วนที่นำข้าวไปขายให้โรงสีทั่วไปแทนเข้าร่วมโครงการเพราะได้ราคาดีใกล้เคียงกันตามทิศทางราคาตลาดที่กำลังสูงขึ้น

"ปัญหาเกิดขึ้นมาก็แก้ไขไป เป็นสิ่งที่แก้ไขได้ เราอธิบายได้ ทุกอย่างทำงานกับแบบโปร่งใสตรวจสอบได้" นายภูมิ กล่าว

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ