นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังร่วมงานเปิดตัวโครงการประกันภัยข้าวนาปีว่า โครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ โดยรัฐบาลได้อนุมัติงบ 4,000 ล้านบาท เพื่อชำระค่าเบี้ยประกันให้เกษตรกรที่เบื้องต้นคาดว่าจะเข้าร่วมโครงการในปีแรก 15-20% และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นการสมทบจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งในปีแรกตั้งเป้าว่าจะมีนาข้าวร่วมโครงการ 8-10 ล้านไร่ จากพื้นที่ขึ้นทะเบียนในโครงการประกันรายได้ 50 ล้านไร่ และขยายวงกว้างออกไปให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
สำหรับการจ่ายเบี้ยประกันในอัตรา 130 บาทต่อไร่นั้น รัฐบาลจะช่วยจ่าย 70 บาท และ ธ.ก.ส.จ่ายให้ 10 บาท โดยเกษตรกรจ่ายเพียง 50 บาทต่อไร่ แต่หากเกิดความเสียหายจะได้รับชดเชย 2,006 บาทต่อไร่ และเมื่อเข้าร่วมโครงการ ธ.ก.ส. จะลดดอกเบี้ยในฐานะเจ้าหนี้ให้แก่ลูกค้าอีก 1% เพราะถือว่าความเสี่ยงลดลงจากการที่ลูกค้าได้รับการคุ้มครองจากบริษัทประกัน
“ถือเป็นปีแรกที่เพิ่มความมั่นคงชิ้นสุดท้ายให้เกษตร แม้ว่าเงินคุ้มครองจะไม่เพียงพอกับต้นทุนที่แท้จริง และที่ผ่านมามีการปรับเพิ่มเงินชดเชยจาก 606 บาทเป็น 2,000 บาทช่วงน้ำท่วม แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่ารัฐบาลจะช่วยเหลือเกษตรกรในอัตรานี้ได้ตลอดไปจึงให้เอกชนเข้ามาร่วมด้วย” นายกรณ์กล่าวและว่า กรมธรรม์ดังกล่าวจะไม่คุ้มครองความเสียหายจากโรคระบาดและศัตรูพืช จะครอบคลุมเพียงภัยธรรมชาติเท่านั้น จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบและจัดสรรงบในการแก้ปัญหาต่อไป
นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า คปภ.ร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัย ธ.ก.ส .กรมส่งเสริมการเกษตรและสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2554 เพื่อจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี โดยความคุ้มครองแบ่งเป็น 2 ระยะคือ 60 วันแรกของการเพาะปลูกจะได้รับค่าสินไหมทดแทนในอัตรา 606 บาทต่อไร่ และตั้งแต่วันที่ 61 เป็นต้นไปของการเพาะปลูกจะได้รับค่าสินไหมทดแทน 1,400 บาทต่อไร่
ที่มา คมชัดลึก
|