นายอนุกูล แต้มประเสริฐ ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงความพร้อมในการรับมือโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่จะมีการจำนำข้าวนาปี ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2554 นี้ได้เตรียมเสนอรัฐบาลลงทุนระบบไอทีตลอดกระบวนการรับจำนำ อาทิ โรงสีและคลังสินค้าที่เข้าร่วมโครงการ
 
ตั้งแต่การขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ การติดระบบจีพีเอสการขนส่งตั้งแต่โรงสี เข้าสู่คลังเก็บสินค้า และการติดระบบกล้องซีซีทีวี 24 ชั่วโมง เพื่อเชื่อมกับส่วนกลางที่กรุงเทพฯ สามารถตรวจสอบได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้เพื่อช่วยป้องกันการทุจริตได้
 
"อคส.เคยรับจำนำข้าวสูงสุดปี 2547-2549 ปริมาณ 5.6 ล้านตัน ปัจจุบันอคส.มีเครือข่ายโรงสีที่เข้าร่วมโครงการประมาณ 1,124 โรง มีกำลังการผลิตรวม 4,000 ตัน/วัน สามารถบริหารจัดการข้าวเปลือกได้ 10 ล้านตัน ส่วนของคลังสินค้าเก็บข้าวมีประมาณ 800 แห่งทั่วประเทศ สามารถเก็บข้าวได้ ประมาณ 9.7 ล้านตันข้าวสาร ขณะที่ข้าวนาปีคาดว่าชาวนาจะเก็บเกี่ยวข้าวได้ประมาณ 12-13 ล้านตัน จะมีทั้งข้าวหอมปทุมธานี ข้าวเหนียว และข้าวขาว 5%"

ขณะเดียวกันจะได้เสนอให้รัฐบาลปรับค่าบริหารจัดการที่รัฐบาลจัดสรรให้กับอคส. ตันละ 45 บาท เห็นว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวไม่สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน  ควรจะจัดสรรเพิ่มให้เป็นตันละ 50 บาท  สำหรับค่าเช่าคลังตันละ 30 บาทต่อเดือน อคส.จะได้มีการหารือกับผู้ประกอบการอีกครั้งหนึ่งว่าเหมาะสมหรือไม่ เพื่อจะได้นำเสนอในคราวเดียวกัน
 
นอกจากนี้เป็นกลไกรับจำนำข้าวเปลือกแล้ว หากรัฐบาลมีโครงการจัดทำข้าวถุงเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคในประเทศ  ภายหลังรัฐบาลเปลี่ยนแปลงจากโครงการประกันรายได้เป็นโครงการรับจำนำ ซึ่งจะทำให้ข้าวถุงในตลาดปรับราคาขึ้นตามกลไกตลาด อคส.ยังมีความพร้อมที่จะจัดทำข้าวถุงเพื่อผู้บริโภคด้วย
 
ด้านนายกมลวิศว์ แก้วแฝก กรรมการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.)รักษาการแทนในตำแหน่งผู้อำนวยการ อ.ต.ก. เปิดเผยความพร้อมของอ.ต.ก.ว่า ขณะนี้ทางอ.ต.ก.ได้จัดประชุมเจ้าหน้าที่จังหวัดต่างๆ พร้อมที่จะสนองนโยบายรัฐบาล พร้อมกับให้ทางสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มาวางระบบไอทีใหม่ เพื่อช่วยให้การรับจำนำข้าวมีประสิทธิภาพป้องกันการทุจริต  สำหรับโรงสีข้าวที่มีอยู่ในเครือข่ายประมาณกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ  และมีคลังสินค้าเก็บข้าวประมาณ 200 แห่ง สามารถเก็บข้าวได้ 2.5 ตันข้าวสาร
 
"ที่ผ่านมา อ.ต.ก. เคยรับจำนำข้าวเปลือกสูงสุด 5 ล้านตัน ในช่วงประมาณปี 2547-2549 ได้รับค่าบริหารจัดการตันละ 45 บาท หากเทียบกับค่าใช้จ่าย ค่าขนส่ง มีแนวคิดจะเสนอรัฐบาลเพิ่มเติมให้ปรับราคาใหม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐบาล แต่ถ้าไม่ปรับก็ไม่มีปัญหาพร้อมที่จะปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล"
 
ขณะนี้ทางอ.ต.ก.ได้จัดสรรกำลังคนออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 ดำเนินโครงการนโยบายของรัฐบาล และ ส่วนที่ 2 ทำธุรกิจของอ.ต.ก. ป้องกันความเสี่ยงในกรณีที่รัฐบาลไม่มีงานนโยบายจะได้มีธุรกิจดูแลองค์กรและพนักงานต่อไปได้ ปัจจุบันอ.ต.ก.มีพนักงานทั้งหมดทั่วประเทศ 403 คน แบ่งออกเป็นข้าราชการ 315 คน ส่วนที่เหลือมีทั้งลูกจ้างประจำและชั่วคราว"
 
ด้านแหล่งข่าวในธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กล่าวว่าเบื้องต้นธ.ก.ส.ได้เตรียมแผนรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปีการผลิต 2554/55 วงเงินรับจำนำ 90,000 ล้านบาท ปริมาณ 5.6 ล้านตัน เกษตรกร 1-2 ล้านราย  จำนวนรับจำนำต่อราย 20 ตัน หรือรายละไม่เกิน 300,000 บาท ราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้าตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 20,000 บาท ความชื้นไม่เกิน 15% ราคาลดหลั่นลงตามความชื้นข้าว โดยข้อมูลทั้งหมดนี้จะได้นำไปหารือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งจะได้หารือเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรคที่พบการดำเนินโครงการรับจำนำที่ผ่านมา เพื่อป้องกันปัญหาอุปสรรคไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก
 
ก่อนหน้านี้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ได้ทำหนังสือถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อให้รัฐบาลใช้เป็นข้อมูลดำเนินการโครงการรับจำนำ โดยสตง.ระบุผลการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปีการผลิต 2548/49 และ2549/50 รัฐบาลมีหนี้ค้างชำระธ.ก.ส. คิดเป็นเงิน 94,105.02 ล้านบาท
 
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  กล่าวว่าได้มอบหมายให้นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไปวางกรอบการปฏิบัติส่วนจะมีวิธีการอย่างไรนั้นรัฐมนตรีช่วย (ภูมิ สาระผล)จะเป็นกำหนดวิธีการปฏิบัติงานทั้งหมด
 
ขณะที่นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยอมรับว่านายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือเบื้องต้นว่าจะให้รับผิดชอบโครงการรับจำนำข้าว แต่ยังไม่เป็นลายลักษณ์อักษร อยากให้มีการมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนจึงให้รายละเอียดได้ อย่างไรก็ตามสำหรับโครงการจำนำข้าวก็เป็นนโยบายที่รับจำนำข้าวทุกเม็ด ไม่ใช่กำหนดเป็นโควตาอย่างแน่นอน

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ