www.thairiceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

กิตติรัตน์ฟุ้งต่างชาติเข้าคิวซื้อข้าว จีทูจีอื้อ ขอพบ"อัมมาร-หม่อมอุ๋ย"รับคำชี้แนะ


นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นประธานประชุมสัมมนาซักซ้อมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปีการผลิต 54/55 ว่า ขณะนี้กระบวนการรับจำนำมีความพร้อมที่จะเปิดโครงการทันวันที่ 7 ต.ค.นี้อย่างแน่นอน ส่วนแผนการระบายข้าวขณะนี้ มีการเจรจาขายข้าวระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล (จีทูจี) อยู่หลายประเทศ โดยมีคณะอนุกรรมการระบายข้าวดูแล

“ไม่ต้องกังวลว่าราคาข้าวไทยปรับขึ้น จาก 500 เป็น 800 เหรียญสหรัฐฯต่อตันแล้วจะขายไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรรัฐบาลสามารถขายข้าวได้แน่นอน และขอให้ทุกคนยืดอกรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่าเมื่อข้าวเปลือกราคาสูงขึ้น ข้าวสารก็ย่อมจะต้องมีราคาสูงขึ้นในระดับที่สอดคล้องกัน และเชื่อว่าประชาชนรับได้กับการบริโภคข้าวแพงขึ้น จานละ 40 สตางค์ หรือวันละ 2 บาท เพื่อแลกการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลมีชัยชนะต่อสงครามความยากจน และนำไปสู่การปรับสมดุลย์ประเทศไทย” นายกิตติรัตน์กล่าว

ส่วนกรณีที่อินโดนีเซียได้ทำหนังสือถึงกระทรวงพาณิชย์ว่าจะไม่ซื้อขายข้าวไทย 3 แสนตันนั้น ได้ทำความเข้าใจกับทางเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทยว่า สัญญาซื้อขายข้าวช่วงเดือนส.ค. เป็นของรัฐบาลเก่าและราคาไม่สอดคล้องกับโครงการรับจำนำ ที่สำคัญสัญญาฉบับนี้ยังไม่มีผล เนื่องจากยังไม่มีการลงนามจาก รมว.พาณิชย์ แต่หากอินโดนีเซียจะหันไปซื้อข้าวจากประเทศอื่นนั้น ก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะหลายประเทศยังต้องการข้าวไทยอยู่

“แม้ว่าปีนี้ไทยส่งออกข้าวไม่ถึง 10 ล้านตัน แต่หากส่งออกได้ราคาดีถือเป็นเรื่องที่ดี ส่วนราคาข้าวในประเทศที่สูงขึ้นจนอาจกระทบต่อค่าครองชีพผู้บริโภคนั้น รัฐมีนโยบายดูแลอยู่ โดยให้องค์การคลังสินค้า ช่วยผลิตข้าวถุงธงฟ้าสำหรับผู้มีรายได้ปานกลาง แต่ข้าวหอมมะลิจะปล่อยเป็นไปตามกลไกตลาด”นายกิตติรัตน์กล่าว

ส่วนกรณีนายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี มองว่าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกจะทำให้เกิดการทุจริต สวมสิทธิ์นั้น ขอยืนยันว่ารัฐบาลมีแนวทางป้องกันการทุจริต การสวมสิทธิ์ในโครงการรับจำนำ โดยนำองค์กรส่วนท้องถิ่นมาช่วยดูแลป้องกันการทุจริต  และเร็วๆ นี้ ก็จะไปพบทั้ง 2 ท่าน เพื่อขอคำชี้แนะ และทำความเข้าใจกับโครงการรับจำนำ พร้อมทั้งกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลและป้องกันอย่างเต็มที่ โดยข้าวเปลือกที่รับจำนำนั้น จะมีระบบจัดเก็บรักษาและเมื่อนำมาแปรสีสภาพเป็นข้าวสาร ก็จะมีระบบป้องกันดูแล

นายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้ทำพิธีปล่อยขบวนคาราวานรถเครนตรวจเครื่องชั่ง เพื่อตรวจเครื่องชั่งน้ำหนัก และเครื่องวัดความชื้นจากโรงสีทั่วประเทศ โดยได้เตรียมรถเครนไว้ทั้งสิ้น 44 คัน และหน่วยงานดูแล 31 แห่ง สำหรับตรวจเครื่องวัดให้มีความเที่ยงตรงเตรียมก่อนการเปิดรับจำนำวันที่ 7 ต.ค.นี้ เพื่อป้องกันการเกิดทุจริต ไม่ให้เกิดการโกงตาชั่งเป็นการเอาเปรียบเกษตรกร โดยปัจจุบันมีเครื่องชั่งรถยนต์ที่ใช้ซื้อขายสินค้าทางการเกษตร รวม 10,143 เครื่อง และเครื่องวัดความชื้น 8,975 เครื่อง 

“การตรวจเครื่องชั่งน้ำหนักและเครื่องวัดความชื้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยหากเครื่องชั่งไม่ตรง เกษตรกรจะมีรายได้น้อยลง เพราะถ้าเกษตรกรนำข้าวหอมมะลิมาจำนำ 1 ตัน ถ้าเครื่องชั่งไม่ตรง 1 กิโลกรัม เกษตรกรจะได้รับเพียง 19,000 บาท แทนที่จะได้รับเงินเต็มจำนวน 20,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกเจ้า เกษตรกรจะได้รับเพียง 14,250 บาท แทนที่จะได้รับเงินเต็มจำนวน 15,000 บาท

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าคงไม่สามารถแก้ปัญหาการทุจริตได้ทั้งหมด เนื่องจากมีความพยายามจากคนบางกลุ่มที่จะทุจริตอยู่ แต่จะพยายามอย่างเต็มที่ โดยได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษและชุดปฎิบัติการส่วนภูมิภาคทุกระดับเพื่อช่วยกันตรวจสอบและป้องกันการทุจริตที่อาจเกิดขึ้น และหากพบการทุจริตจะมีการลงโทษตามกฎหมายขั้นรุนแรง รวมทั้งหากโรงสีมีการโกงน้ำหนักเครื่องชั้นและเครื่องวัดความชื้นก็จะโทษตามกฎหมายเครื่องชั่งตวงวัดเช่นเดียวกัน

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

TREA on Facebook


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@thairiceexporters.or.th


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.