ุ
นายสมเกียรติ มรรคยาธร นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ข้าวหอมมะลิบรรจุถุงสำหรับการบริโภคภายในประเทศกำลังมีปัญหาด้านคุณภาพของข้าวที่ลดลง โดยคณะกรรมการตรวจสอบคุณภาพข้าวถุง ของกรมการค้าภายในได้รับทราบปัญหาดังกล่าวแล้ว ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการที่ข้าวหอมมะลิคุณภาพดี ซึ่งเป็นข้าวฤดูกาลใหม่ไปอยู่ในมือของรัฐบาลหมดและยังไม่มีการระบายออกมา ส่วนข้าวที่นำมาผลิตและจำหน่ายในปัจจุบันเป็นข้าวฤดูกาลเดิมที่ยังคงมีอยู่เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลยังไม่ระบายข้าวหอมมะลิออกมายังไม่มีผลกระทบที่จะทำให้ข้าวหอมมะลิขาดตลาด แต่จะมีผลในด้านราคา ซึ่งแม้ราคาข้าวหอมมะลิจะมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่เมื่อรัฐบาลยังไม่ระบายข้าวและเก็บอยู่ในสต็อกนานเข้าก็จะส่งผลต่อคุณภาพของข้าวเช่นกัน ทำให้ข้าวที่มีคุณภาพดีในปัจจุบันอาจกลายเป็นข้าวที่มีคุณภาพด้อยลงในอนาคต ราคาข้าวก็จะทรงตัวและไม่ปรับสูงขึ้น โดยปัจจุบันราคาข้าวหอมมะลิที่เป็นวัตถุดิบจะอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 31-34 บาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพของข้าว ต่างจากข้าวขาว ที่ปัจจุบันยังมีข้าวในตลาดอยู่มาก ทำให้ราคาข้าวขาวมีแนวโน้มอ่อนตัวลง
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า ปัญหาในขณะนี้อยู่ที่เงื่อนไขการประมูลข้าวของภาครัฐ ที่กำหนดให้ประมูลตามสภาพ และผู้ประมูลต้องรับผิดชอบคุณภาพของข้าวเอง เมื่อกำหนดมาอย่างนี้ทำให้ผู้ประมูลเองไม่สามารถเสนอราคาสูงได้ เพราะไม่มั่นใจถึงคุณภาพข้าวว่าเป็นอย่างไร ทั้งที่ในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ก็มีกลไกในการตรวจสอบก่อนนำข้าวเข้าคลังอยู่แล้ว โดยว่าจ้างเซอร์เวย์เยอร์หรือผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าวมาตรวจสอบก่อนรับเข้าโกดัง แต่ทำไมเมื่อเปิดประมูลกลับให้ผู้ประมูลต้องรับผิดชอบเอง โดยรัฐบาลไม่รับรองเรื่องคุณภาพข้าว
"รัฐบาลมีการว่าจ้างเซอร์เวย์เยอร์ตรวจสอบข้าว ก็น่าจะสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ แต่เมื่อไม่การันตีคุณภาพ ให้ผู้ประมูลรับผิดชอบเอง แล้วใครจะให้ตามราคาตลาดได้ ขณะที่รัฐบาลเองก็ต้องการขายข้าวได้ในราคาดีๆ เมื่อประมูลราคาต่ำไปก็ยกเลิก ข้าวก็ยังอยู่ในสต็อกรัฐบาล" นายสมเกียรติ กล่าว
ขณะที่นายปราโมทย์ วานิชชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมที่จะระบายข้าวสารในสต็อกจำนวน 8.5 ล้านตัน ตั้งแต่เดือนส.ค.ไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยจะมี การเปิดประมูลขายให้แก่ผู้ที่สนใจเพื่อใช้ในประเทศและส่งออกไปตลาดต่างประเทศ จะทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวลดลงทันที ส่งผลให้ภาคเอกชนชะลอการซื้อ และคาดว่ารัฐจะขาดทุนจากโครงการดังกล่าวคิดเป็นวงเงินประมาณ 1.07 แสนล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
"รัฐไม่จำเป็นต้องออกมาประกาศให้คึกคักขนาดนี้ เพราะจะทำให้ราคาตลาดโลกลดลงทันที กระเทือนไปทั่วตลาด เอกชนก็จะไม่ซื้อ"นายปราโมทย์ กล่าว
นายปราโมทย์ กล่าวอีกว่าวิธีระบายข้าวที่เหมาะสมที่สุดคือการขายผ่านตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย(AFET) เนื่องจากมีวิธีการซื้อขายที่ชัดเจน ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาตลาดโลก โดยคาดว่าการระบายข้าวผ่านตลาด AFET จะสามารถขายข้าวไปปีละ 2.5-3 ล้านตัน
อนึ่งเมื่อวันที่1สิงหาคมท่านมานายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการระบายข้าว ว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้มีการระบายข้าวในสต็อกรัฐบาล ที่อยู่ในโครงการรับจำนำข้าวนาปีปีการผลิต 2554/ 2555 และนาปรังในฤดูการผลิต 2555 โกดังองค์การคลังสินค้า และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร โดยไม่กำหนดปริมาณการระบาย ให้กับผู้ที่สนใจที่จะมาซื้อข้าว เพื่อขายในประเทศและส่งออก ไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 55 นี้
ที่มา แนวหน้า
|