ุ
ผู้สื่อข่าวกระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการเตรียมความพร้อมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง2555 ที่มีนางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน เพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์และราคารับจำนำ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2555 โดยมีการเพิ่มการพิจารณาการรับจำนำข้าวเปลือกหอมมะลินาปรัง(จ.สุรินทร์) ซึ่งปกติการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังจะรับจำนำแค่ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวปทุมธานี และข้าวเหนียว แต่ไม่ได้มีการหยิบยกขึ้นมาหารือเพื่อการพิจารณา ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมตั้งข้อสังเกตและแสดงความเป็นห่วง เพราะหากเปิดรับจำนำข้าวเปลือกหอมมะลินาปรังจริง ก็จะเป็นปัญหาใหญ่ต่อการส่งออกข้าวไทยในอนาคต เพราะที่ผ่านมาต่างชาติจะรับรู้และยอมรับการปลูกข้าวหอมมะลินาปีเท่านั้น ปริมาณจำกัดเพียงพอกับการส่งออกในราคาที่สูง ในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ(กขช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานที่จะพิจารณากรอบการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง 2555 อีกครั้ง

แหล่งข่าวจากสมาคมโรงสีข้าวไทยกล่าวว่า หากรัฐบาลอนุมัติรับจำนำข้าวเปลือกหอมมะลิในฤดูนาปรังจริง ในการประชุม กขช.สัปดาห์นี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่และจะทำลายภาพพจน์และราคาส่งออกข้าวหอมมะลิไทยในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีการรับจำนำข้าวหอมมะลิในฤดูนาปรัง เพราะวิตกเรื่องคุณภาพข้าวที่ต้องอาศัยความเหมาะสมของช่วงเวลาการปลูกอีกทั้งปริมาณข้าวหอมมะลิเหลือจากนาปีก็ไม่มาก จนต้องเปิดรับจำนำ

แหล่งข่าวกล่าวว่า พื้นที่จังหวัดสุรินทร์หรือบริเวณลุ่มแม่น้ำมูล มีการพัฒนาปลูกข้าวหอมมะลิเพื่อเก็บเกี่ยวในปลายเดือนมีนาคมถึงเมษายน ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ปริมาณยังน้อยประมาณ 4-5 หมื่นตัน ซึ่งยังติดปัญหาในเรื่องคุณสมบัติเนื้อแป้งในข้าว ไม่เท่าข้าวเก็บในช่วงตุลาคม-พฤศจิกายน หากรับจำนำข้าวล็อตนี้แล้วไปรวมเป็นข้าวหอมมะลินาปีที่มีหลายล้านตัน และรับจำนำในราคานโยบายเท่ากันที่ตันละ 2 หมื่นบาท/ตัน แต่คุณสมบัติต่างกัน ราคาสต๊อกข้าวหอมมะลินาปีก็จะเสียไปด้วย เป็นเรื่องที่คงต้องจับตาว่ากขช.จะอนุมัติโดยไม่ถามความเห็นคณะกรรมการก่อน เป็นเรื่องที่ไม่สมควร คงต้องหารือและทำหนังสือคัดค้านต่อไปหากให้เปิดรับจำนำข้าวหอมมะลินาปรังจริง

ที่มา มติชน