ุ
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ในปีนี้กระทรวงพาณิชย์คาดว่าจะสามารถส่งออกข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ได้ประมาณ 2.5-3 ล้านตัน เมื่อรวมกับปริมาณการส่งออกของภาคเอกชนที่คาดจะส่งออกได้ 6.5-7 ล้านตัน ซึ่งน่าจะสามารถส่งออกข้าวได้ตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 9.5 ล้านตัน โดยประเทศที่จะนำเข้าข้าวไทยแบบจีทูจี ได้แก่ บังกลาเทศ ที่เมื่อเร็วๆ นี้ได้ลงนามบันทึกความตกลงซื้อขายข้าวนึ่งกับรัฐบาลไทยไปแล้วประมาณ 1 ล้านตัน และในวันที่ 16 พ.ค.นี้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ จะเดินทางไปบังกลาเทศ เพื่อตกลงทำสัญญาซื้อขายระหว่างกัน คาดการเดินทางไปครั้งนี้น่าจะขายข้าวให้บังกลาเทศได้ไม่ต่ำกว่า 300,000 ตัน จากนั้นจะทยอยนำเข้าจากไทยอีกอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีประเทศฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียที่ได้เจรจากันไปแล้ว เบื้องต้นทั้ง 2 ประเทศ น่าจะนำเข้าจากไทยได้ไม่ต่ำกว่า 1.5-2 ล้านตัน แต่จะเป็นการทยอยนำเข้าล็อตละไม่มาก เพื่อไม่ให้กระทบกับราคาข้าวภายในของไทย ส่วนราคาที่ขายแบบจีทูจีนั้น กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายจะไม่ให้ต่ำกว่าราคาตลาด
สำหรับสาเหตุที่ไทยยังสามารถขายข้าวได้อย่างต่อเนื่อง แม้ผู้ส่งออกข้าวระบุว่า ทำตลาดยาก เพราะข้าวไทยราคาสูงกว่าของคู่แข่ง จากผลของการรับจำนำข้าวในราคาสูงของรัฐบาลนั้น เป็นเพราะข้าวของไทยคุณภาพสูงกว่าคู่แข่งมาก อาทิ ข้าวนึ่ง ที่บังกลาเทศน่าจะนำเข้าจากอินเดีย เพราะราคาถูกกว่าข้าวไทยมาก และอยู่ใกล้กันมากกว่า แต่กลับนำเข้าจากไทย เพราะนอกจากคุณภาพข้าวไทยจะดีกว่าแล้ว ยังไม่มีปัญหาการส่งมอบเหมือนอินเดีย ที่ขณะนี้ส่งมอบให้ลูกค้าไม่ตรงตามกำหนดเวลา ทำให้ผู้นำเข้าหลายประเทศหันกลับมาซื้อข้าวจากไทยแทนแล้ว
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ ยังเตรียมแผนที่จะเดินทางไปขายข้าวยังประเทศอื่นๆ อีก เช่น ประเทศในแถบแอฟริกา ที่เป็นผู้ซื้อรายใหญ่ ส่วนกรณีที่บางประเทศ อย่างสิงคโปร์ และฮ่องกง ที่นำเข้าข้าวหอมมะลิไทยลดลงนั้น ไม่น่ากังวล เพราะผู้ซื้อรอให้ราคาข้าวไทยลดลงก่อน จึงชะลอการนำเข้า แต่คาดว่าจะกลับมานำเข้าเป็นปกติในเร็วๆ นี้ เพราะราคาข้าวไทยไม่ลดลง แต่ทรงตัวในระดับสูง
ทั้งนี้ ไม่ต้องกังวลว่าปีนี้ไทยจะส่งออกข้าวได้ลดลง หรือเสียแชมป์ผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลก ไทยยังคงส่งออกได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 9.5 ล้านตันแน่นอน แต่สาเหตุที่ในช่วงต้นปียังไม่เร่งระบายข้าวออกจากสต๊อกของรัฐบาล เป็นเพราะไม่ต้องการแข่งขันขายราคาต่ำกับเวียดนาม และอินเดีย แต่จะรอให้ 2 ประเทศ ขายข้าวให้หมดเสียก่อน จึงจะเริ่มทำตลาดในช่วงกลางปี
ในปีนี้กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายการส่งออกข้าวที่ 9.5 ล้านตัน มูลค่า 6,800 ล้านเหรียญฯ โดยการส่งออกเดือน ม.ค.-เม.ย.55 อยู่ที่ 2.106 ล้านตัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ส่งออกได้ 3.829 ล้านตัน สำหรับราคาส่งออกข้าวไทยเอฟ.โอ.บี. เมื่อเดือน เม.ย.55 ข้าวขาว 5% ตันละ 577 เหรียญฯ ส่วนเวียดนามตันละ 435 เหรียญฯ อินเดียตันละ 450 เหรียญฯ ปากีสถาน ตันละ 475 เหรียญฯ, ข้าวขาว 10% ไทยตันละ 574 เหรียญฯ เวียดนาม ตันละ 430 เหรียญฯ, ข้าวขาว 15% ไทยตันละ 575 เหรียญฯ เวียดนาม ตันบะ 420 เหรียญฯ, ข้าวขาว 25% ไทยตันละ 572 เหรียญฯ เวียดนาม ตันละ 385 เหรียญฯ อินเดียตันละ 390 เหรียญฯ และข้าวนึ่ง ไทยตันละ 616 เหรียญฯ อินเดียตันละ 505 เหรียญฯ และปากีสถานตันละ 485 เหรียญฯ
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ไทยและจีนได้ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้เพิ่มขึ้นปีละ 20% จากปัจจุบันในปี 54 ที่มีมูลค่าการค้าระหว่างกันรวม 5.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ผลักดันให้เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 59 ภายใต้แผนความร่วมมือทางเศรษฐกิจ 5 ปี ที่ไทยและจีนจะดำเนินการด้วยกันในการขยายมูลการค้าและการลงทุน
ทั้งนี้ ภายใต้แผนความร่วมมือทางเศรษฐกิจ 5 ปีดังกล่าว ทั้ง 2 ประเทศ จะร่วมมือกันใน 14 สาขาเศรษฐกิจ ได้แก่ 1.การอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน 2.นวัตกรรมและเทคโนโลยีสีเขียว 3.การให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการ 4.ทรัพย์สินทางปัญญา 5.วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 6.ภาคเกษตร 7.ภาคการผลิต เช่น สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องจักรและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และเคมี 8.สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน 9.การพัฒนาทรัพยากรเหมืองแร่ 10.พลังงาน 11.เทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม 12.การท่องเที่ยว 13.โลจิสติกส์ และ 14.การเงิน
โดยไทยและจีนยังได้ลงนามในบันทึกความตกลง (MOU) ความร่วมมือทางด้านการค้าสินค้าเกษตร ซึ่งจะช่วยให้การค้าสินค้าเกษตรของไทยไปจีนมีความคล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะมันสำปะหลัง ข้าว และผลไม้ เพราะที่ผ่านมามักจะมีปัญหาและการกีดกัน แต่หลังจากนี้ไป หากมีปัญหาก็จะได้รับการแก้ไขเร็วขึ้น
ที่มา หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
|