ุ
แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าวเปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงภาวะราคาข้าวในประเทศที่เปิดการซื้อขายหลังช่วงปีใหม่ว่า ราคาข้าวโดยรวมลดลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนปีใหม่ โดยราคาข้าวหอมมะลิลดลงเฉลี่ยตันละ 2,000 บาทจากตันละ 30,000 บาทเหลือตันละ 28,300 บาท, ข้าวขาว 5% ทรงตัวตันละ 16,000-16,300 บาท เป็นผลจากตลาดส่งออกข้าวไทยซบเซาจากนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาล

เฉพาะเดือนธันวาคมที่ผ่านมา การส่งออกข้าวไทยได้ลดลงถึง 60% จาก ที่เคยส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละ 1 ล้านตันเหลือเพียง 390,000 ตัน ลูกค้าชะลอการซื้อข้าวไทยที่มีราคาสูงกว่าราคาข้าวชนิดเดียวกันหรือข้าวใกล้เคียงในตลาดโลก สะท้อนให้เห็นจากราคาส่งออก FOB หลังจากเปิดทำการปีใหม่ก็ทรง ตัว เช่น ข้าวหอมมะลิตันละ 1,100 เหรียญสหรัฐ, ข้าวขาว 5% ราคาทรงตัว 567 เหรียญสหรัฐ เนื่องจากอินเดีย หันกลับมาส่งออกข้าวกว่า 2 ล้านตัน ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2554/2555 ส่งผลให้ราคาข้าวส่งออกข้าวไทย สูงกว่าคู่แข่งตันละ 150-180 เหรียญสหรัฐ ทำให้ภาพรวมการส่งออกข้าวปีนี้ได้เพียง 10.5 ล้านตัน จากที่ควรจะได้เพิ่มเป็น 11-13 ล้านตัน

"เป็นเรื่องน่าตลกที่อยู่ ๆ กระทรวงพาณิชย์เกิดสงสัยว่าข้าวหายไปไหน และสั่งให้โรงสีข้าวรายงานสต๊อกเพราะรัฐบาลรับจำนำได้น้อย ทั้ง ๆ ที่ให้ราคาสูงกว่าราคาตลาดมาก ความจริง รัฐบาลควรจะดีใจที่กลไกตลาดทำงาน ข้าวไหลเข้าโครงการน้อยกว่าเป้าหมาย และหันไปเร่งหาทางใช้จิตวิทยายกระดับราคา โดยอาจพิจารณาชะลอการระบายข้าวในสต๊อกไว้ก่อน ทั้งข้าวเก่า 2 ล้านตัน และข้าวใหม่จากโครงการรับจำนำ ที่น่าจะสีแปรได้อีก 2 ล้านตัน รวมเป็น 4 ล้านตัน โดยเก็บข้าวลอตนี้ไว้ใช้เป็น สต๊อกเพื่อความปลอดภัยสำหรับการบริโภคในประเทศ ซึ่งอาจไม่เพียงพอ ต่อความต้องการบริโภคที่มีมากถึงปีละ 10 ล้านตัน" แหล่งข่าวกล่าว

ด้านนายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ ประธานคณะอนุกรรมการกำกับและติดตามการรับจำนำข้าว กล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2554/ 2555 ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2554-5 มกราคม 2555 ปรากฏมีข้าวเปลือกเข้าโครงการ 4.7 ล้านตัน สั่งสีแปร สภาพเป็นข้าวสารแล้ว 1 ล้านตัน คาดว่าจนกว่าจะสิ้นสุดโครงการใน เดือนกุมภาพันธ์ จะมีข้าวเปลือกเข้าโครงการรับจำนำทั้งหมด 6-7 ล้านตัน ต่ำกว่าเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้ว่าจะใช้งบประมาณราว 60,000 ล้านบาท และสูงสุดไม่เกิน 100,000 ล้านบาท ต่ำกว่าที่หลายฝ่ายคาดว่าจะใช้งบฯถึง 400,000 ล้านบาท

"ผมถือว่าโครงการนี้บรรลุวัตถุ ประสงค์ในการยกระดับราคาข้าวเปลือกจากที่ชาวนาเคยได้ 6,000-7,000 บาท ก็ได้เพิ่มเป็น 11,000-12,000 บาท ส่วนเรื่องที่กระทบต่อการส่งออกข้าวก็คงเป็นผลจากอินเดียเริ่มกลับมาส่งออก น่าจะเป็นระยะชั่วคราว ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องเร่งส่งออกเพราะปีนี้จำนวนข้าวจะลดลง แม้ว่าจะมีนาปรังมาชดเชยผลผลิตที่ เสียหายจากน้ำท่วม ส่วนการระบายก็คงยึดตามแนวทางเดิมทุกช่องทางที่ทำได้ แต่คงยังไม่เปิดขายผ่านตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า เพราะตลาดล่วงหน้าเท่าที่ดูยังไม่มีศักยภาพความพร้อมที่จะระบาย"

สำหรับการดำเนินการหลังจากนี้จะต้องปรับปรุงและแก้ปัญหาโครงการรับจำนำข้าว โดยจะเพิ่มความเข้มงวด เรื่องการตรวจสอบกระบวนการทุจริต รูปแบบต่าง ๆ โดยกระทรวงพาณิชย์ จึงได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบและดำเนินคดี มี นายธวัชชัย โสภาเสถียรพงศ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน และปรับข้อบกพร่องเรื่องความล่าช้าในการออกใบประทวนให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณาดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังต่อเนื่อง

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ