ุ
แหล่งข่าววงการค้าข้าว เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าโครงการรับจับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พบกระบวนการทุจริตไม่น้อยไปกว่าโครงการรับจำนำทุกครั้งที่ผ่านมา แต่คาดว่าความเสียหายจะมีมากกว่าเพราะรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์" ตั้งราคารับจำนำสูงกว่ารัฐบาลชุดก่อนๆ ที่สำคัญนายกรัฐมนตรี ยังขาดประสบการณ์บริหารนโยบายดังกล่าว จึงเกรงว่าจะไม่ทันเกมพ่อค้า นักการเมือง ข้าราชการ บางกลุ่มที่ร่วมกระบวนการทุจริต และไม่มีการปราบปรามอย่างจริงจัง
นอกจากนี้แหล่งข่าวยังขยายผลให้เห็นถึงกระบวนการทุจริตที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งได้ลักลอบนำเข้าข้าวสารจากประเทศกัมพูชามาเร่ขายให้กับผู้ประกอบการโรงสี ถึงพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง โดยเสนอขายที่กระสอบละ 1,500 บาท ซึ่งโรงสีที่รับซื้อส่วนใหญ่เป็นโรงสีข้าวนึ่ง เนื่องจากเวลานี้ข้าวนึ่งราคาขาขึ้นกระสอบละ 1,700 บาท โรงสีจึงซื้อข้าวกัมพูชาส่งเข้าคลังกลางกระสอบละ 1,500 บาทแทน แล้วนำข้าวเปลือกที่รับจำนำไปสีเป็นข้าวนึ่งส่งผู้ส่งออก เท่ากับจะได้กำไรกระสอบละ 200 บาท
"ก่อนหน้านี้โรงสีข้าวนึ่งที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำ จะใช้วิธีนำข้าวเปลือกที่รับจำนำมาสีเป็นข้าวนึ่ง และมาซื้อข้าวขาวจากโรงสีข้าวขาวทั่วไปส่งมอบเข้าโกดังกลาง เพื่อฟันส่วนต่างกำไรกันอยู่แล้วส่วนกำไรจะมากน้อยเท่าไรขึ้นอยู่กับจังหวะเวลา เพราะโดยปกติข้าวนึ่งจะแพงกว่าข้าวขาวอยู่แล้ว แต่พอมีข้าวขาวจากกัมพูชาราคาถูกเข้ามา โรงสีข้าวนึ่งจึงหันไปซื้อข้าวกัมพูชาส่งมอบแทน เพราะจะได้ส่วนต่างของกำไรมากกว่า"
ทั้งนี้โรงสีที่ซื้อข้าวกัมพูชาจะนำข้าวมาคัดแยกเป็นสองส่วนคือต้นข้าวกับปลายข้าว สำหรับส่งมอบเข้าโกดังกลางรัฐบาลตามเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการที่ต้องส่งมอบทั้งต้นข้าวและปลายข้าว กระบวนการดังกล่าวจึงทำให้โรงสีมีกำไรหลายเด้งด้วยกัน เด้งแรกซื้อข้าวสารกัมพูชาเพียงกระสอบละ 1,500 บาท นำมาแยกเป็นปลายข้าวส่งมอบโกดังกลาง จากปกติปัจจุบันปลายข้าวไม่เพียงพอเนื่องจากข้าวเปลือกคุณภาพค่อนข้างดีทำให้สีได้อัตราต้นข้าวมาก โรงสีต้องซื้อปลายข้าวในประเทศกก.ละ ประมาณ 15.50 บาท ส่งมอบ แต่เวลานี้คัดปลายข้าวกัมพูชาส่งกก.ละ 15 บาท เด้งที่สองนำข้าวเปลือกไปทำข้าวนึ่งขายข้าวนึ่งได้กระสอบละ 1,700 บาท เท่ากับโรงสีข้าวนึ่งจะได้ส่วนต่างระหว่างซื้อข้าวจากประเทศกัมพูชากระสอบละ 1,500 บาท กับขายข้าวนึ่งกระสอบละ 1,700 บาท หรือกระสอบละ 200 บาท (ตันละ 2,000 บาท)"
นางสาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่าขณะนี้สถานการณ์ราคาข้าวนึ่งเริ่มดีขึ้น เพราะว่าประเทศไนจีเรียจะขึ้นภาษีนำเข้าข้าวในเร็วๆ นี้ ประกอบกับก่อนหน้านี้ผู้นำเข้าข้าวนึ่งของไนจีเรียหันไปนำเข้าข้าวนึ่งจากประเทศอินเดีย ซึ่งมีราคาถูกกว่าข้าวนึ่งไทยจึงทำให้ปริมาณข้าวนึ่งไทยในไนจีเรียขาดตลาดผู้บริโภคเริ่มเรียกร้องหาข้าวนึ่งไทย ผู้นำเข้าจึงหันมานำเข้าข้าวนึ่งจากไทยมากขึ้นและทำให้ราคาขยับสูงขึ้นทั้งภายในประเทศและส่งออก
ด้านแหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่าการที่โรงสีใช้วิธีซื้อข้าวสารจากประเทศกัมพูชาส่งมอบเข้าโกดังกลางแทนนำข้าวโครงการจำนำส่งมอบ เชื่อแน่ว่าหากรัฐบาลเปิดประมูลระบายสต๊อกข้าว จะต้องมีอาการผงะกันอย่างแน่นอน เพราะในโกดังกลางเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์คุณภาพข้าวไม่ตรงตามมาตรฐาน ขณะเดียวกันรัฐบาลจะเกิดปัญหาขาดทุน โดยขณะนี้ราคาข้าวขาวในท้องตลาดกก.ละ 15.20 บาท แต่ราคาข้าวโครงการรับจำนำหากคำนวณเป็นข้าวสารจะตกกก.ละ 24 บาท หรือขาดทุนกก.ละ 8.80 บาท (ตันละ 8,800 บาท)แต่การขาดทุนของรัฐบาลคงไม่รุนแรงเท่ากระบวนการทุจริตที่เกิดขึ้นที่คนที่เกี่ยวข้องนอกเหนือจากชาวนาโกยผลประโยชน์อย่างมหาศาล
ขณะที่แหล่งข่าวโรงสีพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่าจากการที่กระทรวงพาณิชย์ จะเปิดประมูลขายข้าวหอมมะลิสต๊อกรัฐบาลตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปีการผลิต 2554/55 รัฐบาลมีโอกาสขาดทุนสูงเพราะเวลานี้ราคาข้าวหอมมะลิท้องตลาดกก.ละ 30-32 บาท แต่ข้าวสต๊อกรัฐบาล กก.ละ 38-40 บาท ประกอบกับผู้ส่งออกต่างทราบดีว่าข้าวในสต๊อกส่วนใหญ่เป็นข้าวหอมมะลิปลอมปนจะต้องมีการกดราคารับซื้ออย่างแน่นอน
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
|