ุ
นายบุญทรง เตริยาภิรมณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการการหารือกับ H.E. Mr. Bayu Krisnamurthi รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้าอินโดนีเซียในเรื่องการเร่งรัดตามข้อตกลงซื้อข้าวจากประเทศไทย ตามที่ได้ทำข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกัน(MOU) จำนวน 1 ล้านตัน เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา เป็นข้าวขาวชนิด 5-25% ซึ่งทางอินโดนียเซียยืนยันว่าเรื่องที่ทำ MOU ดังกล่าวนั้นยังคงยึดมั่นที่จะซื้อข้าวจากไทยอย่างแน่นอน
สำหรับรายละเอียดและการดำเนินให้มีการสั่งซื้อนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายจะได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อเจรจาด้านราคา ปริมาณ และการส่งมอบ โดยทางอินโดนีเซียได้มอบหมายให้ BULOG เป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนไทยจะมอบให้กรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้เจรจา ซึ่งจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด คาดว่าไม่เกิน 2 เดือน จะสามารถเซ็นสัญญาและส่งมอบได้
"การเดินทางมาอินโดนีเซียในครั้งนี้ มั่นใจว่าในปีนี้อินโดนีเซียจะนำเข้าข้าวไทยจากความร่วมดังกล่าวจำนวน 1 ล้านตัน เนื่องจากฤดูกาลเก็บข้าวอินโดนีเซียจะหมดลง ซึ่งจะทำให้ทราบถึงตัวเลขและปริมาณข้าวในประเทศ แล้วจึงจะสามารถตัดสินใจสั่งซื้อข้าวไทยเป็นประเทศได้"
สำหรับแผนการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ไทยได้ทำ MOU ไว้กับ 3 ประเทศ ทั้ง ฟิลิปปินส์ บังกลาเทศ และอินโดนีเซีย จำนวนประเทศละ 1 ล้านตัน โดยการขายข้าวไทยจะจำหน่ายตามราคาตลาดในแต่ละช่วง
ทั้งนี้การระบายแบบจีทูจีหากประเทศใดเป็นพันมิตรกับไทยมายาวนาน ไทยจะขายข้าวในราคามิตรภาพให้แต่ละประเทศนั้นๆ เพื่อจูงใจให้เขาซื้อข้าวไทยมากขึ้น และขณะนี้ไทยยังไม่นโยบายนำข้าวไปแลกกับสินค้าในต่างประเทศหรือบาร์เตอร์
ในปี 2554 อินโดนีเซีย นำเข้าข้าวจากประเทศไทยในกรอบความร่วมมือเดิม จำนวน 914,917.79 ตันเพิ่มขึ้นจากปี 2553 จำนวน 637,612.56 ล้านตัน คิดเป็น 230% ซึ่งจะนำเข้าข้าวขาว 5% และปลายข้าว และในปีนี้ช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. ปีนี้ อินโดนีเซียนำเข้าข้าวไทย 262,045 ตัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน51%
นอกจากนี้นายบุญทรง กล่าวว่า ไม่เป็นห่วงการนำเข้าจากเวียดนามที่มีราคาข้าวถูกกว่าไทย เนื่องจากเวียดนามสิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยว รวมถึงยังมีข้อตกลง MOUที่ไทยได้ทำไว้ ทั้งนี้ การที่แต่ละประเทศจะตัดสินใจซื้อข้าวต้องดูองค์ประกอบหเรื่องเล่าคุณภาพข้าว ปริมาณ ราคา และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งไทยมีจุดแข็งเรื่องคุณภาพข้าวและการส่งมอบข้าวของไทย อีกทั้งขณะนี้ความสัมพันธของผู้นำระหว่างไทยและอินโดนีเซียอยู่ในขั้นสุดยอดอีกด้วย ซึ่งไทยยังได้ขอให้อินโดนีเซียพิจารณานำเข้าข้าวคุณภาพเกรดดีเพิ่มเติม ซึ่งอินโดเซียนำเข้าข้าวหอมมะลิไทยปีหนึ่งประมาณ 250,000 ตัน รวมถึงขอให้พิจารณาให้ภาคเอกชนอินโดนีเซียได้นำเข้าขายจากไทยโดยตรง
สำหรับเป้าหมายการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือ G2G ในปีนี้ของไทยอยู่ที่2.5-3ล้านตัน และตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงเดือนมิถุนายนรัฐระบายข้าวแบบข้อตกลงเพื่อส่งออกแล้ว 3 แสนตัน
นายบุญทรง กล่าวต่อว่า การระบายแบบวิธีปกติให้กับภาคเอกชนผู้ส่งออกนั้นยังมีเป้าหมายที่จะทำอยู่โดยล่าสุดได้ออกประกาศการเปิดประมูลให้เอกชนแข่งขันกันทั้ง ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมปทุม ข้าวหอมจังหวัด โดยมีรายละเอียดในเว็บไซต์ของกรมการค้าต่างประเทศ
นอกจากนี้ ทางอินโดนีเซียได้ให้ไทยทบทวนการออกมาตรการอุปสรรคท่งการค้าที่ไม่ใช่ภาษี(NTB) โดยให้ผู้ประกอบการนำเข้าผักและผลไม้ของไทยย้ายการขนส่งไปยังท่าเรือสินค้าภาคอื่นๆ4แห่งจากเดิมที่ท่าจาร์กาตา ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการไทยและหลายประเทศมีความกังวลว่าต้นทุนการขนส่งมาสู่ส่วนกลางสูงขึ้นและมีผลต่อคุณภาพสินค้า ซึ่งทางอินโดนีเซียจะรับพิจารณา
ที่มา ครอบครัวข่าว 3
|