ุ
นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ดำเนินการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง โดยนำวงเงินรับจำนำที่เหลือจากครั้งที่ผ่านมาใช้รับจำนำแบบไม่จำกัดปริมาณ และให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเปิดลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ พร้อมเริ่มโครงการในวันที่ 1 มีนาคม 2555 สำหรับราคารับจำนำเป็นดังนี้ ข้าวเปลือกเจ้า 100% ราคา 15,000 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเจ้า 5% ราคา 14,800 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเจ้า 10% ราคา 14,600 บาทต่อตัน ข้าวหอมปทุมธานี 1 ราคา 16,000 บาทต่อตัน ข้าวเหนียวเม็ดยาว 10% ราคา 16,000 บาทต่อตัน ข้าวเหนียวเม็ดสั้น ราคา 15,000 บาทต่อตัน

นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ระบุถึงการทุจริตในโครงการจำนำข้าวนาปี ปี 2554/2555 ว่า การตรวจสอบการทุจริตในโครงการดังกล่าวไม่ใช่หน้าที่ของ ธ.ก.ส. เพราะมีคณะกรรมการตรวจสอบการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบการทุจริตอยู่แล้ว โดยธ.ก.ส. มีหน้าที่เพียงการทำตามนโยบายของรัฐบาลเท่านั้น ไม่มีหน้าที่มาบอกว่าจะรับจำนำหรือไม่รับจำนำ ดังนั้น อย่าทำเกินหน้าที่ แต่ให้ไปดูระบบการจ่ายเงิน การเปิดบัญชีให้แก่เกษตรกรให้ทันตามกำหนด

"การตรวจสอบการทุจริตหากได้รับการร้องเรียนเข้ามาก็ต้องแจ้งมายังคณะกรรมการตรวจสอบฯ ให้ทำการตรวจสอบต่อไป แต่ที่ผ่านมาคณะกรรมการตรวจสอบฯ ไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนการทุจริตทั้งการสวมสิทธิ์ และความไม่โปร่งใสอย่างที่ธ.ก.ส.ให้ข่าว มีแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำการตรวจสอบอยู่" นายยรรยงกล่าว

นายยรรยง กล่าวต่อว่า หลักเกณฑ์การรับจำนำข้าวนาปรังปี 2555 นั้น ยังยืนยันในการรับจำนำข้าวทุกเม็ด แต่มีเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงใหม่คือ กรณีที่เกษตรกรนำข้าวเปลือกมาจำนำมากกว่าผลผลิตเฉลี่ยของจังหวัดนั้นๆ เกินกว่า 20% จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าเป็นผลผลิตของชาวนาจริงหรือไม่ หากพิสูจน์ได้เป็นของเกษตรกร ธ.ก.ส.ก็ต้องจ่ายเงินให้

ด้านนางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ในช่วงปลายฤดูกาลรับจำนำข้าวนาปีที่ผ่านมา ได้รับรายงานจากสายด่วน 1569 ว่ามีเกษตรกรหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี ทั้งหมู่บ้านร่วมมือกันกับเจ้าหน้าที่ราชการ ทั้งในส่วนขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ในพื้นที่ และโรงสีทำการสวมสิทธิ์รับจำนำข้าวมากกว่า 10 ราย จึงได้ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปดำเนินการตามกฎหมายแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีมูลว่าทำผิดจริง

ที่มา คมชัดลึก