ุ
แหล่งข่าวในวงการค้าข้าว เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าจากการที่รัฐบาลรับจำนำข้าวเปลือกราคาสูง อาทิข้าวเปลือกเจ้ารับจำนำสูงสุดที่ตันละ 15,000 บาท ทำให้ชาวนาส่วนใหญ่นำข้าวเปลือกเข้าโครงการจำนำเกือบทั้งหมด  หรือหากนำมาขายให้กับโรงสีราคาดังกล่าวโรงสีต้องขายข้าวสาร ให้กับผู้ส่งออกกระสอบละประมาณ 2,300 บาท (ขนาดบรรจุ 100 กิโลกรัม) ซึ่งถือว่าสูงมากผู้ส่งออกไม่สามารถขายแข่งกับต่างประเทศได้ โดยขณะนี้ราคาข้าวสารส่งออกของไทยข้าว5% ตันละ 549 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ราคาข้าว5%ของเวียดนามอยู่ที่ตันละ 440 ดอลลาร์สหรัฐฯ อินเดียตันละ 445 ดอลลาร์สหรัฐฯ และข้าวปากีสถานตันละ 470 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ถ้าผู้ส่งออกซื้อข้าวสารจากโรงสีกระสอบละ 2,300 บาท ต้องส่งออกตันละไม่ต่ำกว่า 700 ดอลลาร์สหรัฐฯ
 
ดังนั้นเวลานี้ผู้ส่งออกหลายรายจึงได้ใช้วิธีนำข้าวเก่าที่มีอยู่ในสต๊อก (หากจะส่งออกก็ไม่มีคนซื้อเพราะเป็นข้าวเก่า) นำมาปรับปรุงคุณภาพ (เปาเกา)ส่งขายให้กับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวกับรัฐบาล โดยผู้ส่งออกที่มีสต๊อกข้าวเก่าต้นทุนจะอยู่ที่ประมาณกระสอบละ 1,500 บาท ขายให้กับผู้ส่งออกได้กระสอบละ 1,630-1,650 บาท ผู้ส่งออกได้กำไรกระสอบละประมาณ 130-150 บาท ส่วนโรงสีเมื่อซื้อข้าวเปาเกาจากผู้ส่งออกแล้วจะนำส่งมอบโกดังกลางตามเงื่อนไขของโครงการรับจำนำ  โดยโรงสีจะใช้วิธีนำข้าวเก่าปรับปรุงคุณภาพแล้วที่ซื้อจากผู้ส่งออกมาส่งมอบแทน แล้วนำข้าวเปลือกตามโครงการรับจำนำผลิตเป็นข้าวนึ่งขายให้กับผู้ส่งออก โดยราคาข้าวนึ่งโรงสีจะขายได้กระสอบละประมาณ 1,780 บาท เท่ากับโรงสีจะได้กำไรกระสอบละ 130-150 บาท เช่นเดียวกัน
 
"การรับจำนำข้าวเปลือกราคาสูงของรัฐบาล ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกข้าวอย่างมาก เพราะทำให้ต้นทุนข้าวของผู้ส่งออกราคาสูงกว่าประเทศคู่แข่ง จะเห็นได้จากปริมาณการส่งออกข้าวสารของไทยระหว่างวันที่ 1 มกราคม-11 เมษายน 2555 ส่งออกได้ 1,844,367 ตัน เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาส่งออกได้ 3,397,630 ตัน ลดลง 45.72% จึงทำให้ผู้ส่งออกต้องหันมาใช้วิธีปรับปรุงคุณภาพข้าวเก่าขายให้กับโรงสี แล้วโรงสีซื้อส่งมอบโกดังกลาง ในที่สุดแล้วข้าวในสต๊อกของรัฐบาลจะมีแต่ข้าวคุณภาพต่ำหรือถึงขั้นเสื่อมคุณภาพหากเปิดสต๊อกขายเมื่อใดจะประสบปัญหาขาดทุน"
 
แหล่งข่าวเผยเพิ่มเติมว่านอกจากการเวียนเทียนข้าวด้วยวิธีการดังกล่าวแล้ว ยังมีข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาสวมสิทธิ์อีก เท่ากับว่าสต๊อกข้าวของรัฐบาลชุดนี้ภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความเป็นไปได้สูงที่ว่าข้าวสารในโกดังกลางจะมีทั้งข้าวใหม่และข้าวเก่ารวมกันอยู่ รวมถึงข้าวคุณภาพต่ำจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาตรวจสอบปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง
 
ทั้งนี้  ณ วันที่ 17 เมษายน 2555 ปริมาณรับจำนำข้าวเปลือกนาปีรวมทั้งสิ้น 6.82 ล้านตันข้าวเปลือก จำนวนนี้สั่งสีแล้ว ณ วันที่ 1 เมษายน 2555 จำนวน 6.35 ล้านตันข้าวเปลือก เป็นปริมาณข้าวสาร 4 ล้านตัน โรงสีส่งมอบเข้าโกดังกลางแล้ว 3.6 ล้านตัน ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการส่งมอบ
 
"ฐานเศรษฐกิจ" ได้สอบถามไปยังบริษัทส่งออกข้าวหลายรายยอมรับได้รับปรับปรุงคุณภาพข้าวให้กับโรงสีเพื่อส่งมอบเข้าโกดังกลางจริง เพราะเวลานี้สถานการณ์ส่งออกข้าวเงียบเหงามาก แม้ว่าข้าวที่นำมาปรับปรุงเป็นข้าวเก่าหากจะนำขายต่างประเทศราคาต่ำก็ไม่มีคนซื้อ จึงใช้วิธีนำมาปรับปรุงคุณภาพขายให้กับโรงสี เพราะสามารถทำกำไรได้ดีกว่า

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ