ุ
รายงานข่าว เปิดเผยว่า ผลการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 2554/2555 ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2554 จนถึงวันที่ 25 ม.ค. 2555 พบว่ามีข้าวเปลือกเข้าโครงการรวม 5.65 ล้านตัน โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเกษตรกรนำข้าวมาเข้าโครงการมากที่สุด คือ 2.40 ล้านตัน รองลงมา คือ ภาคเหนือ 1.98 ล้านตัน ภาคกลาง 1.26 ล้านตัน และภาคใต้ 23 ตัน

เบื้องต้นรัฐบาลใช้งบประมาณในโครงการนี้แล้วประมาณ 8 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมกับสต็อกข้าวเดิมที่รัฐบาลมีอยู่เกือบ 2 ล้านตัน ส่งผลให้รัฐบาลมีข้าวสารในสต็อกกว่า 5 ล้านตัน และคาดว่าต้องเร่งระบายสต็อกในเร็วๆ นี้

นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในวันที่ 27 ม.ค.นี้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะมาทำงานเป็นวันแรก ซึ่งกระทรวงจะเชิญตัวแทนโรงสี และผู้ส่งออกข้าวบางรายมาร่วมหารือถึงสถานการณ์ข้าว โดยจะเน้นการประเมินผลโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 2554/2555 ซึ่งเปิดโครงการตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2554 และจะสิ้นสุดวันที่ 29 ก.พ.นี้ ก่อนนำข้อมูลมาพิจารณากำหนดข้อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อพิจารณาว่าควรเปิดโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง 2555 ต่อไปหรือไม่ และจะกำหนดราคารับจำนำอย่างไร

นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลมาตรการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง วานนี้ (25 ม.ค.) ว่า รัฐบาลจะเริ่มดำเนินโครงการรับจำนำมันสำปะหลังสดปี 2554/2555 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.-วันที่ 31 พ.ค. 2555 โดยกำหนดราคารับจำนำ กก.ละ 2.75 บาท ที่เชื้อแป้ง 15% จากนั้นราคาจำนำจะเพิ่มขึ้นเดือนละ 5 สตางค์ต่อ กก.จนถึง กก.ละ 2.90 บาท โดยตั้งเป้าหมายปริมาณรับจำนำที่ 10 ล้านตัน

ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้วงเงินรับจำนำกว่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินทุนหมุนเวียน หากไม่พอสามารถเพิ่มได้อีก และได้กำหนดอัตราการแปรสภาพไว้ที่หัวมันสด 2.42 กก. แปรสภาพเป็นมันเส้นได้ 1 กก.

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ