ุ
แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าว เปิดเผยว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวในวงการค้าข้าวว่ามีนักการเมืองในรัฐบาลมาเสนอขายข้าวสารในสต็อกรัฐบาล ที่ได้จากโครงการรับจำนำนาปีฤดูกาล 2554/55 ให้กับผู้ประกอบการโรงสีและผู้ซื้อในประเทศ โดยเสนอขายในราคากิโลกรัม (กก.) ละ 16.20 บาท ต่ำกว่าราคาข้าวในตลาดที่จำหน่าย กก.ละ 16.80 บาท และต่ำกว่าราคาต้นทุนรับจำนำที่ กก.ละ 23 บาท หากการซื้อขายเกิดขึ้นจริง จะทำให้รัฐบาลขาดทุนอย่างมาก
ทั้งนี้ ผู้ที่เสนอขายข้าวยังไม่ระบุปริมาณที่จะขายให้กับผู้ประกอบการ แต่มีรายงานว่า รัฐบาลมีสต็อกเป็นข้าวที่ได้จากโครงการรับจำนำนาปีมากถึง 4.5 ล้านตันข้าวสาร
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตว่า การนำข้าวในสต็อกมาเร่ขายแบบลับๆ อาจมีการจ่ายใต้โต๊ะให้กับนักการเมือง ขณะที่รัฐบาลกลับอ้างวิธีการขายข้าวแบบไม่เปิดเผยข้อมูล จะช่วยทำให้ราคาข้าวไม่ตกต่ำ ซึ่งราคาตลาดในปัจจุบันยังต่ำกว่าราคารับจำนำที่รัฐบาลกำหนดไว้มาก โดยข้าวเปลือกเจ้าอยู่ที่ตันละ 1-1.10 หมื่นบาท แต่ราคารับจำนำอยู่ที่ตันละ 1.5 หมื่นบาท
นอกจากนี้ มีกระแสข่าวในวงการค้าข้าวว่า บริษัท สยามอินดิก้า ผู้ชนะการประมูลส่งมอบข้าวให้รัฐบาลอินโดนีเซียจำนวน 3 แสนตัน สมัยที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็น รมว.พาณิชย์ ได้ถูกรัฐบาลอินโดนีเซียปฏิเสธการรับมอบข้าวล็อตล่าสุดจำนวน 7 หมื่นตัน โดยให้เหตุผลว่าเป็นข้าวคุณภาพต่ำกว่าที่ตกลงกันไว้ ทำให้สยามอินดิก้าต้องนำข้าวล็อตดังกล่าวไปขายให้ในตลาดแอฟริกาแทน และต้องหาซื้อข้าวใหม่มาส่งให้รัฐบาลอินโดนีเซียแทน
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุที่รัฐบาลอินโดนีเซียปฏิเสธรับมอบข้าวของสยามอินดิก้า ทำให้เสียชื่อประเทศไทย เนื่องจากสยามอินดิก้าได้มีการซื้อข้าวจากสต็อกรัฐบาลในราคาต่ำมาก กก.ละ 11-12 บาท ทั้งที่ราคาตลาดขณะนั้นอยู่ที่ กก.ละ 15 บาท ซึ่งคาดว่าจะเป็นข้าวเก่าเอามาปรับปรุงเพื่อลดต้นทุนให้ได้ส่วนต่างกำไรมากขึ้น.
ที่มา ไทยโพสต์ำ
|