ุ
น.ส.กอบสุข  เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ให้ความเห็นกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า จากที่นายบุญทรง  เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับผู้ส่งออกข้าวเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาถึงแนวทางการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลให้กับเอกชน โดยเห็นร่วมกันที่จะให้มีการระบายข้าวทุกสัปดาห์ หลังรัฐบาลมีการตรวจสต๊อกข้าวทั่วประเทศแล้วเสร็จ คาดจะสามารถดำเนินการได้ในเร็วๆนี้ แต่หลังจากนายบุญทรงพ้นวาระ  และนายนิวัฒน์ธำรง  บุญทรงไพศาล มารับไม้ต่อ พร้อมนายยรรยง  พวงราช อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ อยากให้มีการสานต่อ

อย่างไรก็ตามแม้ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.)จะได้ทบทวนมติโดยกลับไปใช้ราคารับจำข้าวเปลือกที่ 1.5 หมื่นบาทต่อตันเช่นเดิมไปจนสิ้นสุดโครงการรับจำนำเปลือกนาปรังปี 2556 ในเดือนกันยายน อาจส่งผลให้ต้นทุนข้าวไทยยังสูงเช่นเดิม แต่ต้องมีการแยกส่วน โดยการรับจำนำราคาสูงกว่าตลาดเพื่อช่วยเหลือชาวนาก็ทำไป แต่ในส่วนการระบายก็ควรทำต่อเนื่องเพราะข้าวในสต๊อกรัฐมีเป็นจำนวนมาก ยิ่งเก็บไว้นานยิ่งเสื่อมสภาพ ราคาจะตกลงเรื่อยๆ  และจะยิ่งระบายยาก

"ถ้ารัฐเปลี่ยนคอนเซ็ปต์การระบายให้เอกชนทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือนจะกู้สถานการณ์ส่งออกได้ดีขึ้น  เพราะของเก่าจะได้ระบายออกไป ของใหม่เข้ามาก็จะขายได้ราคาดีขึ้น และจะมีเม็ดเงินกลับมาหล่อเลี้ยงโครงการรับจำนำต่อ แต่ราคาที่จะระบายจะได้เท่าทุน หรือไม่ขาดทุนย่อมเป็นไปไม่ได้"

นอกจากนี้อยากแนะนำให้รัฐมนตรีพาณิชย์คนใหม่ได้วางแผนการระบายข้าวในส่วนของข้าวหอมมะลิใหม่ที่ผลผลิตจะเริ่มออกมาในช่วงปลายปีนี้แต่เนิ่นๆ โดยเปิดให้ผู้ส่งออกเสนอราคา และปริมาณข้าวที่ต้องการ และมีการจับคู่กับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำเพื่อสั่งสีแปรสภาพตามคุณภาพที่ต้องการโดยตรงโดยไม่ต้องส่งข้าวเข้าเก็บในคลังกลางเสียค่าฝากเก็บ ซึ่งจะทำให้รัฐขายข้าวได้ราคาดี และผู้ส่งออกก็สามารถนำไปเสนอขายให้กับคู่ค้าและแข่งขันได้ดีขึ้น

สอดคล้องกับนายนิวัฒน์ธำรง  บุญทรงไพศาล รมว.กระทรวงพาณิชย์คนใหม่ที่กล่าวตอนหนึ่งในวันเข้ารับตำแหน่ง(1ก.ค.56)ว่า โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการสำคัญในการช่วยเหลือเกษตรกรให้ได้รับราคาที่ดีที่สุดที่ต้องดำเนินการต่อไป ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ได้คำนึงถึงการระบายข้าวออกให้เร็วที่สุดด้วย และพยายามทำให้ราคาสามารถแข่งขันกับตลาดได้ หากไม่สามารถแข่งขันได้ก็จะทำให้สต๊อกข้าวในประเทศมีมากเกินไปและจะส่งผลทำให้มีปัญหาต่อเนื่องตามมา

ด้านนายยรรยง พวงราช รมช.กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้วางแผนจะระบายข้าวในโครงการรับจำนำข้าวเป็นการเร่งด่วน โดยตั้งเป้าจะระบายข้าวในครึ่งปีหลังไว้ที่เดือนละ 1 ล้านตัน และถึงสิ้นปีนี้จะสามารถระบายข้าวได้ทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 5-6 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 7.2 หมื่นล้านบาท โดยจะระบายทั้งในรูปแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี และแบบทั่วไปให้กับผู้ประกอบการในประเทศ

ที่มา หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ