ุ
นายทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาเปิดประมูลข้าวตามนโยบายของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ภายในเดือน มี.ค.นี้ โดยจะดูความเหมาะสมของปริมาณและราคา เบื้องต้นคาดว่าจะเปิดประมูลทั้งข้าวขาวและข้าวหอมมะลิไม่เกิน 500,000 ตัน ส่วนราคาก็จะนำราคาตลาดข้าวมากำหนดเป็นราคากลาง เพื่อเป็นเกณฑ์การอนุมัติขาย ขณะที่การระบายข้าวผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟท) จะยังไม่ทำ เพราะต้องหารือกับเอเฟทก่อน และต้องดูจังหวะด้วยว่าการระบายช่วงนี้เหมาะสมกับการระบายผ่านเอเฟทหรือไม่

สำหรับกรณีที่มีการคาดการณ์ว่า ภาครัฐจะระบายข้าวในสต๊อกที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 54/55 และข้าวเปลือกนาปรังปี 55 ขาดทุนถึง 140,000 ล้านบาท และระบายข้าวที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 55/56 ขาดทุนเพิ่มเป็น 210,000 ล้านบาทนั้น ต้องมองว่านำราคาใดมาคำนวณผลขาดทุน หากนำต้นทุนราคารับจำนำมาคำนวณก็ต้องขาดทุนมาก แต่ส่วนต่างจากราคาตลาดและราคารับจำนำคือเม็ดเงินที่เกษตรกรได้รับ ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่ม และนำเงินมาซื้อสินค้า ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงควรนำผลดีมาพูดด้วยไม่ใช่มองแต่ผลเสีย

ด้านนางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มี รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน กลางเดือน มี.ค.นี้ จะยังไม่เสนอให้พิจารณาปรับลดราคารับจำนำข้าวในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 56 เพราะกรมการค้าภายในยังศึกษาผลดีผลเสียไม่เสร็จ และมองว่าหากมีปรับลดราคาลงในโครงการรับจำนำนาปรัง อาจทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปี ซึ่งได้รับจำนวนเงินเต็ม กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังที่อาจจะได้รับเงินที่น้อยกว่า

ส่วนนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การเปิดประมูลข้าวสต๊อกรัฐบาลในระยะนี้ ยังไม่เหมาะสมสำหรับการส่งออก เพราะตลาดส่งออกซบเซา จากหลายประเทศมีการกักตุนสต๊อกจำนวนมาก แต่หากรัฐบาลจะระบายข้าวก็ควรเปิดประมูลเพื่อขายในประเทศ เพื่อให้นำไปทำเป็นข้าวสารบรรจุถุงจำหน่าย ซึ่งอาจทำให้มีการแข่งขัน และเสนอซื้อในราคาตลาดมากกว่าการซื้อเพื่อส่งออก

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์