ุ
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ได้ชำระค่าผลิตผลจากโครงการรับจำนำ ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2556 เป็นเงิน 143,848.69 ล้านบาท (ข้าว+มันสำปะหลัง) ในจำนวนนี้ได้รับชำระเงินจากการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลจำนวน 125,374.99 ล้านบาท และมันสำปะหลัง 18,473.70 ล้านบาท ส่วนในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ (ต.ค.-ธ.ค.) กระทรวงมีแผนส่งเงินคืนจากการระบายข้าวรวม 29,589 ล้านบาท โดยสิ้นปีนี้กระทรวงพาณิชย์ได้มีการปรับเป้าหมายการส่งเงินคืนจากต้นปี 2556 (สมัยนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เป็นรมว.พาณิชย์) ตั้งเป้าส่งเงินคืน 2.2 แสนล้านบาท แต่ล่าสุดได้ปรับเป้าลดลงเหลือ 1.73 แสนล้านบาท

ส่วนที่ในปี 2557 (ม.ค.-ก.ย.)กระทรวงพาณิชย์ มีแผนจะส่งคืนเงินจากการระบายข้าวรวม 124,594 ล้านบาท แยกเป็น เดือนมกราคม 12,154 ล้านบาท กุมภาพันธ์ 12,090 ล้านบาท มีนาคม 11,525 ล้านบาท เมษายน 10,700 ล้านบาท  พฤษภาคม  9,731 ล้านบาท มิถุนายน 9,683 ล้านบาท กรกฎาคม 9,665 ล้านบาท สิงหาคม 9,732 ล้านบาท และกันยายน 9,725 ล้านบาท

ด้านนายสุรศักดิ์  เรียงเครือ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) ในฐานะอนุกรรมการและเลขานุการ คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว กขช. กล่าวว่าในปีนี้ คาดกระทรวงพาณิชย์จะสามารถคืนเงินจากการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลให้กับ ธ.ก.ส.ได้ระหว่าง 1.5-1.6 แสนล้านบาท โดย 1.5 แสนล้านบาทคาดจะได้แน่นอน ซึ่งในช่วง 3 เดือนสุดท้ายหรือไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ทางกระทรวงมีความตั้งใจจะหาเงินให้ได้เดือนละ 1หมื่นล้านบาท หรือ 3 เดือนรวม 3 หมื่นล้านบาท และเชื่อว่าจะสามารถนำส่งเงินให้ ธ.ก.ส.ไปใช้ในการรับจำนำข้าวในฤดูการผลิต 2556/57 (1 ต.ค.56-30 ก.ย.57) ได้โดยไม่มีปัญหา

"เราตั้งใจจะหาเงินจากการระบายข้าวให้ได้ใน 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้อีก 3 หมื่นล้านบาท หรือขั้นต่ำ 2.4-2.5 หมื่นล้านบาท ส่วนปี 2557 ตั้งเป้าหมายจะคืนเงินจากการระบายข้าวให้ได้ 1.3 แสนล้านบาทเป็นอย่างต่ำ หรือเฉลี่ยทำได้เดือนละ 1 หมื่นกว่าล้านบาท ในเรื่องเป้าหมายระบายข้าวนี้ได้ทำหนังสือถึงสำนักงบประมาณ และกรรมการใน กขช.รับทราบแล้ว คิดว่าน่าจะทำได้ไม่น่ามีปัญหา เพราะเวลานี้เราได้ออร์เดอร์จากจีน และอีกหลายประเทศที่อยู่ระหว่างทยอยส่งมอบ ข้อมูลจากนี้ไปเราจะเปิดเผยมากขึ้นเรื่อยๆ"

ด้าน พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ประธานคณะอนุกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ที่ติดตามตรวจสอบเรื่องการระบายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาล จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 2554/55 และข้าวเปลือกนาปรังปี 2555  กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2556   นายสุวิชญ โรจนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ได้มาชี้แจงกับคณะกรรมาธิการฯ ถึงแนวทางออกในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลว่า มี 2 แนวทางที่จะทำให้เดินหน้าต่อไปได้ แนวทางแรกคือการขอขยายกรอบเพดานเงินทุนหมุนเวียนในโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ที่ 5 แสนล้านบาท (ภายในสิ้นปี 2556) แต่เวลานี้มีการใช้เงินไปแล้วกว่า 6.8 แสนล้านบาท ซึ่งล่าสุด ธ.ก.ส.ได้ชงเรื่องต่อกระทรวงการคลังเพื่อขอกู้เงินเพิ่มเติมอีก 1.4 หมื่นล้านบาทโดยระบุเงินไม่เพียงพอรับจำนำ เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ไม่สามารถเร่งระบายข้าวและส่งเงินคืนได้ตามแผนที่วางไว้ ในเรื่องการกู้เงินก้อนใหม่นี้มองว่าจะส่งผลดีในแง่ที่กระทรวงพาณิชย์จะสามารถขยายเวลามติ ครม.ได้จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2557 ส่วนแนวทางที่สอง ไม่มีการกู้เงิน แต่ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งระบายข้าวเพื่อนำเงินมาคืน เพื่อให้กรอบวงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท

"ที่ผ่านมาสังคมไม่ทราบว่ากระทรวงพาณิชย์ขายข้าวราคาเท่าไร ปริมาณเท่าไร อย่างไรก็ดี ไม่ต้องห่วง ธ.ก.ส. ว่าจะเจ๊งตามรัฐบาล เพราะจากการรับงานโครงการรับจำนำในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาทำให้ ธ.ก.ส. มีรายได้จากค่าบริหารจัดการฟันกำไรอย่างต่ำ 4-5 พันล้านบาทต่อปี จากการประเมินครั้งล่าสุดในที่ประชุม กขช. ได้มีความเห็นว่าจากผลกระทบน้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลาง ได้มีการปรับลดวงเงินรับจำนำ 3 เดือน (ต.ค.-ธ.ค.56) จาก 1 แสนล้านบาท ลดเหลือ 8.5 หมื่นล้านบาท"

นายวิเชียร พวงลำเจียก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย  กล่าวว่า จากการปรับลดวงเงินพวกพ่อค้าหรือผู้ส่งออก ต้องเห็นใจชาวนาเพิ่มมากขึ้น เพราะชาวนาทำขาดทุนมาหลายสิบปี แล้วยิ่งมาถูกปรับลด ชาวนาจะยิ่งแย่ อย่างไรก็ตามมองว่าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกจะต้องเดินหน้าต่อ เพราะโครงการนี้เป็นโครงการที่ช่วยเหลือชาวนาที่ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง มองว่าอนาคตหากรัฐบาลมีการยุบสภา(ผลจากแรงต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม) เชื่อว่ารัฐบาลรักษาการจะต้องเดินโครงการรับจำนำข้าวต่อไป คงไม่ปล่อยให้เป็นสุญญากาศจนกว่าจะมีรัฐบาลมาใหม่ และยังเชื่อว่ารัฐบาลยังมีเงินมาอุ้มชาวนาต่อเนื่อง แต่ภายใต้เงื่อนไขต้องบริหารจัดการขายข้าวดีๆ จะไม่ขาดทุนมาก และที่สำคัญเงินที่มาอุ้ม ของยังอยู่ในมือรัฐบาล ไม่ได้สูญหาย

ส่วนแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากการเปิดเผยข้อมูลผลการขาดทุนโครงการจำนำข้าวปี 2554/55 และ 2555/56 รวม 4 ฤดูการผลิต ที่มีผลขาดทุนจากการดำเนินโครงการจำนวน 3.3 แสนล้านบาทนั้นล่าสุดทางผู้บริหารได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าวแล้วว่ามีข้อมูลหลุดลอดออกมาได้อย่างไร เพราะคนที่จะแถลงปิดบัญชีจะต้องเป็นนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กขช. หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้แถลงชี้แจงกับประชาชนเท่านั้น ในเรื่องนี้อาจเป็นการทำลายภาพลักษณ์และบั่นทอนความมั่นคงของรัฐบาลได้

ที่มา หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ