ุ
เมื่อวันพุธ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดย ตรงเกี่ยวกับนโยบายจำนำข้าวทุกเมล็ดของรัฐบาลต่างออกมาให้สัมภาษณ์ตอบโต้ข้อเสนอของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่ให้ยกเลิกนโยบายดังกล่าวอย่างถ้วนหน้า โดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ยังอ่านรายงานของไอเอ็มเอฟไม่ละเอียด เขายังไม่เข้าใจในหลายๆ เรื่อง ซึ่งคงต้องมีการอธิบายกัน

"รัฐบาลมีแนวทางรับฟังข้อสังเกตต่างๆ แต่ไอเอ็มเอฟต้องเข้าใจอะไรให้ลึกซึ้งก่อนออกมาให้ความเห็นอันเป็นทฤษฎีที่อาจนำไปใช้กับประเทศอื่นๆ ได้ แต่จะเหมาะกับไทยหรือไม่นั้น เราขออนุญาตดูของเราเองก่อน" นายกิตติรัตน์กล่าว

นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การช่วยเหลือเกษตรกรที่ยากจนนั้นรัฐบาลได้ทำอยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่บอกว่าการจำนำข้าวมีทุจริตเยอะนั้นเป็นเรื่องที่ว่ากันไป เพราะเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยไม่ได้หายไปไหน และไม่ว่าจะมีคอร์รัปชันหรือไม่ เบ็ดเสร็จก็ใช้งบประมาณไล่ๆ กันไม่มากไปกว่านี้ ปัญหาทั้งหมดที่ต่างชาติวิพากษ์วิจารณ์เขาอาจไม่เข้าใจในการใช้งบประมาณเรื่องข้าว

"ข้อเสนอของไอเอ็มเอฟนั้นต้องดูรายละเอียดข้อเสนอก่อน เพราะขณะนี้ยังไม่เห็น ถ้ามีอะไรที่เข้าใจผิด เราก็จะชี้แจง อะไรที่ดีก็นำมาพัฒนาปรับปรุง" นายนิวัฒน์ธำรงระบุ

มีรายงานว่าพรรคประชา ธิปัตย์ (ปชป.) ได้เตรียมร่างคำร้องขอถอดถอนรัฐมนตรีพ้นจากตำ แหน่งตามมาตรา 270 ในการอภิ ปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลไว้แล้ว โดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ไม่ทำตามสัญญาประชาคมที่ให้ไว้ทั้งเรื่องการทุจริตโครงการจำนำข้าว และความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินอื่นๆ ตลอด จนเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีจำนวนหนึ่ง อาทิ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศ เป็นต้น

รายงานจากกระทรวงพา ณิชย์แจ้งว่า กรมการค้าต่างประ เทศได้ประกาศจำหน่ายข้าวสารในสต็อกรัฐบาลผ่านเว็บไซต์กรมด้วยวิธียื่นซองเสนอราคาซื้อแล้วโดยเป็นข้าวจากโครงการรับจำ นำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/2555, นาปรัง ปี 2555 และนาปี ปี 2555/2556 (รอบ 1) รวมทั้งสิ้น 452,537 ตัน แบ่งเป็นข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 และปลายข้าวขาวเอวันเลิศ รวม 300,275 ตัน (แบบยกคลัง) เพื่อจำหน่ายในประเทศ และ/หรือส่งออกต่างประเทศ และข้าวขาว 5% รวม 152,262 ตัน (แบบยกคลัง) เพื่อส่งออกต่างประเทศ โดยข้าวที่จะขายทั้ง 2 ล็อตให้เสนอราคาซื้อ ณ หน้าคลังสินค้าที่ขอซื้อเป็นเงินบาท และกำหนดให้ยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกต่ออธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในวันที่ 19 พ.ย. เวลา 09.00-16.30 น. ณ สำนักบริหารการค้าข้าว ชั้น 9 กรมการค้าต่างประเทศ

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์เผยว่า ภาวะตลาดข้าวในปัจจุบันยังซบเซา อาจทำให้ผู้สนใจเสนอซื้อข้าวสารในสต็อกเสนอราคาซื้อไม่สูงมาก และอาจมีผลให้รัฐบาลขาดทุนมาก แต่กรมการค้าฯ จำเป็นต้องเปิดประมูลข้าว ตามมติของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และเชื่อว่าการระบายจะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาข้าวในตลาดมากนัก

ด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การเปิดประมูลข้าวครั้งนี้น่าจะมีผู้เสนอราคาซื้อไม่มากนัก เพราะตลาดมีข้าวอยู่มาก เนื่องจากเป็นช่วงการเก็บเกี่ยวข้าวฤดูกาลใหม่ อีกทั้งในการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2556/2557 (รอบ 1) รัฐบาลจำกัดวงเงินรับจำนำไม่เกินรายละ 350,000 บาท จึงทำให้มีข้าวไหลเข้าสู่ตลาดปกติมากขึ้น และการที่รัฐบาลเร่งระบายข้าวออกอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเงินไปใช้ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2556/2557 ทำให้ผู้ซื้อไม่รู้สึกว่าราคาจะมีแนวโน้มดีขึ้น จึงรอดูสถานการณ์ ไม่ผลีผลามซื้อ ทั้งที่ราคาข้าวขาวของไทยห่างจากเวียดนามตันละ 10-15 ดอลลาร์เท่านั้น

"ผู้ซื้อต่างชาติเห็นว่ารัฐบาลไทยมีแรงกดดันต้องขายข้าวใน สต็อกเพื่อเอาเงินมาใช้รับจำนำฤดูกาลใหม่ เพราะรัฐบาลไม่มีเงิน รวมถึงผลผลิตในตลาดเพิ่มขึ้น โดยคาดจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 15% หรือ 37-38 ล้านตันข้าวเปลือก จากปีก่อนที่ 36 ล้านตัน และการจำกัดวงเงินรับจำนำไม่เกิน 350,000 บาท จึงมีข้าวไหลเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ผู้ซื้อจึงไม่เร่งรีบซื้อ และถ้ามีผู้สนใจก็น่าจะให้ราคาต่ำกว่าราคาตลาดด้วยซ้ำ เพราะข้าวที่เปิดขายครั้งนี้คุณภาพไม่ค่อยดี เป็นข้าวเหลือๆ จากที่ขายให้ผู้ส่งออกไปก่อนหน้านี้แล้ว" นายชูเกียรติเผย

ที่มา หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์