ุ
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นสักขีพยานพิธีลงนามในสัญญาซื้อขายสินค้าเกษตรระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ว่า กระทรวงพาณิชย์โดยอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายสินค้าเกษตรแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับบริษัท Beijing Great Northern Wilderness Rice Industry สังกัดบริษัท เป่ยต้าฮวง กรุ๊ป ของกรมการเกษตร มณฑลเฮยหลงเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน

ประกอบด้วย การลงนามในสัญญาซื้อขายข้าวขาว 5% และปลายข้าว รวม 1.2 ล้านตัน และมันสำปะหลังเส้น 90,000 ตัน โดยราคาที่ซื้อขายอิงตามราคาในตลาดโลก และมีกำหนดส่งมอบให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี โดยล็อตแรกจะส่งมอบได้ภายในเดือน ธ.ค.นี้

สำหรับการลงนามในสัญญาซื้อขายข้าวให้จีนครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากการเดินทางไปเจรจาขยายตลาดสินค้าเกษตรของไทย และกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีนเมื่อต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา และถือเป็นสัญญาซื้อขายข้าวระหว่าง 2 ประเทศสัญญาที่ 3 ของปีนี้

โดยสัญญาแรกเป็นสัญญาซื้อขายข้าวไทย 1 ล้านตัน ในระยะเวลา 5 ปี ระหว่างสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และ COFCO รัฐวิสาหกิจของจีนที่ค้าขายสินค้าเกษตร ส่วนสัญญาที่ 2 เป็นสัญญาซื้อข้าวไทยแบบจีทูจี 1 ล้านตัน เริ่มส่งมอบปี 2557 ระหว่างกรมการค้าต่างประเทศ และ COFCO ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางมาเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีจีน

“การซื้อขายข้าวครั้งนี้ เป็นการซื้อหน้าคลังสินค้า (เอ็กซ์-แวร์เฮาส์) และซื้อตามราคาตลาดโลก โดยผู้ซื้อได้เลือกผู้ส่งออกไทย 1 ราย เป็นผู้ปรับปรุงข้าวและส่งออกไปยังจีน อย่างไรก็ตาม แม้จะมีผลขาดทุนเมื่อเทียบกับราคารับจำนำ แต่รัฐบาลไม่ใช่พ่อค้าที่ซื้อมาขายไปเพื่อเอากำไร รัฐบาลมีหน้าที่ช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งยืนยันว่าทุกรัฐบาลและทุกปีมีเงินเตรียมไว้เพื่อช่วยเหลือผู้ปลูกข้าวอยู่แล้วประมาณ 80,000 ล้านบาท แต่รัฐบาลนี้อาจใช้มากหน่อย” นายนิวัฒน์ธำรงกล่าว

อย่างไรก็ตาม คาดว่าในเร็วๆ นี้ ไทยน่าจะทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจีให้กับอีกหลายประเทศ เพราะขณะนี้มีบางประเทศที่เจรจาใกล้จะได้ข้อยุติแล้ว และมีบางประเทศที่อยู่ระหว่างการเจรจา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขายข้าวให้จีนครั้งนี้จะทำให้รัฐบาลมีผลขาดทุนจำนวนมาก เพราะขณะนี้ราคาส่งออกข้าวขาว 5% ของไทยเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 430-440 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ต้นทุนการรับจำนำข้าวเปลือกอยู่ที่ตันละ 15,000 บาท เมื่อคิดเป็นราคาส่งออกจะอยู่ที่ราวตันละ 800 เหรียญสหรัฐ จึงน่าจะทำให้รัฐบาลขาดทุนตันละ 360-370 เหรียญสหรัฐ

สำหรับการที่จีนนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้น เป็นเพราะผลผลิตข้าวของจีนเสียหายจากสภาพอากาศที่แห้งแล้ง และราคาข้าวในประเทศสูงขึ้น ประกอบกับผู้บริโภคจีนสนใจความปลอดภัยทางอาหารมากขึ้น จึงเลือกซื้ออาหารที่มีคุณภาพสูง อีกทั้งจีนนำเข้าเพื่อส่งออกไปช่วยเหลือประเทศที่ 3 มากขึ้น จึงถือเป็นโอกาสของไทยในการส่งออกไปจีนได้มากขึ้น

ที่มา ไทยโพสต์