ุ
นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงานประชุมชี้แจงโครงการประมูลข้าวสารในสตอกของรัฐบาลผ่านตลาดเอเฟท ว่า การจัดประชุมชี้แจงครั้งนี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพาณิชย์ศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการประมูล เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดประมูลข้าวในตลาดเอเฟท พร้อมทั้งชี้แจงวิธีการประมูลในรูปแบบดังกล่าวให้กับภาคเอกชนและผู้ที่สนใจได้รับทราบการนำข้าวออกมาประมูลผ่านตลาดเอเฟท ถือเป็นการสะท้อนราคาตลาดที่แท้จริงและจะทำให้เกิดความโปร่งใสและช่วยเหลือเกษตรกรได้มาก ซึ่งล็อตแรกจะเป็นข้าวจำนวน 140,000 ตัน ข้าวขาว 100,000 ตัน ข้าวหอม 40,000 ตัน โดยตามโครงการจะเปิดประมูลทั้ง 2 รอบในปริมาณรวม 500,000-1,000,000 ตัน
ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากการชี้แจงทำความเข้าใจแล้วจะเริ่มประมูลรอบแรกต้นเดือนกันยายนนี้ และจะมีการรับมอบข้าวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ส่วนกรณีช่วงแรกยังติดขัดการวางหลักทรัพย์ค้ำประกันและค่าธรรมเนียมการนำข้าวสตอกรัฐซื้อขายผ่านตลาดเอเฟท จำนวน 240 ล้านบาทนั้น นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เห็นชอบที่จะนำเงินจากกองทุนส่งเสริมการส่งออกมาใช้ในการค้ำประกัน โดยไม่ได้ผิดหลักเกณฑ์การใช้เงินกองทุนฯ เพราะเป็นเพียงการนำเงินมาค้ำประกันเท่านั้น
นอกจากนี้ ในการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวบ่ายวันนี้ (22 ส.ค.) จะมีการรายงานและติดตามการดำเนินงานตามนโยบายระบายข้าวในสตอก หลังจากก่อนหน้านี้มีการเปิดประมูลข้าวรัฐบาล เป็นการทั่วไปว่าจะต้องมีการปรับปรุงเงื่อนไขเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาแม้ว่าการระบายข้าวในสตอกจะมีสัดส่วนความต้องการของเอกชนไม่มาก แต่ก็ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการที่มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น คงจะต้องมีการติดตามต่อไป และจะประกาศระบายข้าวแต่ละเดือน นอกจากนี้ ที่ประชุมน่าจะมีการอนุมัติเพิ่มเติมข้าวบางส่วนมาจัดทำข้าวถุงจำหน่ายตามโครงการช่วยลดค่าครองชีพประชาชน เบื้องต้นน่าจะอนุมัติ 200,000-300,000 ตัน เพื่อนำมาจัดทำข้าวถุงจำหน่ายให้กับประชาชน ที่มีความต้องการโดยราคาขนาด 5 กิโลกรัมน่าจะอยู่ที่ 85-89 บาทต่อถุง
ที่มา สำนักข่าวไทย
|