ุ
สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยสรุปสถานการณ์การส่งออกข้าวในช่วง 2 เดือนแรก ปี 2556 (ม.ค. – ก.พ.) ว่า มีปริมาณทั้งสิ้น 1.05 ล้านตัน มูลค่า 22,361 ล้านบาท โดยปริมาณส่งออกลดลงร้อยละ 0.9 และมูลค่าส่งออกลดลงร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555 ที่มีการส่งออกปริมาณ 1.06 ล้านตัน มูลค่า 22,494 ล้านบาท สำหรับประเทศผู้นำเข้าข้าวไทย 5 อันดับแรก ประกอบด้วย อิรัก 168,337 ตัน เบนิน 114,654 ตัน สหรัฐอเมริกา 66,011 ตัน แอฟริกาใต้ 56,198 ตัน และคองโก 55,454 ตัน
ทั้งนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ปริมาณส่งออกข้าวลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 17 เพราะการส่งมอบ ทั้งข้าวขาวและข้าวหอมมะลิมีปริมาณลดลง เนื่องจากการส่งมอบต้นข้าวขาวให้กับประเทศอิรักและญี่ปุ่น มีปริมาณลดลงจากเดือนก่อนมาก ขณะที่การส่งออกข้าวหอมมะลิไปประเทศสหรัฐและฮ่องกงก็มีปริมาณลดลงเช่นเดียวกัน ส่วนการส่งออกข้าวนึ่ง เดือนที่ผ่านมามีการส่งออกไปประเทศเบนินเพิ่มขึ้น ขณะที่ การส่งออกไปไนจีเรียลดลงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากรัฐบาลไนจีเรียปรับเพิ่มภาษีนำเข้าข้าวเป็นร้อยละ 110 ประกอบกับผู้ซื้อหันไปซื้อข้าวนึ่งจากแหล่งที่ถูกกว่า จึงทำให้การส่งออกข้าวนึ่งของไทยลดลง
สำหรับการค้าข้าวในตลาดปกตินั้น จากการที่ราคาข้าวของไทยยังคงสูงกว่าประเทศคู่แข่งถึง 120-180 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบคู่แข่ง ส่งผลให้ไทยสูญเสียตลาดข้าวขาวส่วนใหญ่ให้กับประเทศคู่แข่งทั้งเวียดนาม อินเดีย และปากีสถาน โดยขณะนี้ราคาข้าวขาว 5% ของเวียดนามลดลงอยู่ที่ระดับ 395-405 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งเป็นราคาต่ำที่สุดในตลาด เพื่อดึงความสนใจจากประเทศผู้ซื้อ ขณะที่อินเดียเสนอขายข้าวขาว 5% ที่ 440-450 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน (เอฟโอบี) และปากีสถานเสนอขายที่ 430-440 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน (เอฟโอบี) ขณะที่ราคาข้าวขาว 5% ของไทยอยู่ที่ 573 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน (เอฟโอบี) ทั้งนี้ ราคาประกาศโดยสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ณ วันที่ 20 มีนาคม 2556
ส่วนเดือนมีนาคมนี้ คาดว่าปริมาณส่งออกจะอยู่ที่ประมาณ 500,000 ตัน เนื่องจากช่วงนี้ตลาดยังคงเป็นของผู้ซื้อ เพราะผลผลิตข้าวของประเทศเวียดนามกำลังออกสู่ตลาด จึงมีการลดราคาขายข้าวเพื่อดึงความสนใจจากผู้ซื้อ ขณะที่ผู้ซื้อส่วนใหญ่ยังคงหันไปซื้อข้าวจากแหล่งที่ราคาถูกกว่า ประกอบกับการส่งออกข้าวนึ่งไปตลาดที่สำคัญคาดว่าจะมีปริมาณลดลง อย่างไรก็ตาม การส่งออกข้าวหอมมะลิไปตลาดอเมริกา และตลาดในแถบเอเชีย เช่น ฮ่องกง และจีน คาดว่าจะมีอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีปริมาณไม่มาก
ที่มา สำนักข่าวไทย
|