ุ
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) กล่าวว่า ในการประชุมเพื่อรับฟังข้อเสนอของชาวนาในวันที่ 29ก.ค. นี้ทางฝ่ายรัฐ ที่ประกอบด้วย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ได้หารือกันแล้ว และมีข้อสรุปที่จะกำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ไว้ที่ตันละ 1.2 หมื่นบาท และจำกัดเพดานวงเงินรับจำนำไว้ที่ 4 แสนบาทต่อครัวเรือน สำหรับ โครงการจำนำข้าวเปลือก main crop 2013/2014 ลดลงจาก ราคาปัจจุบันที่ กำหนดไว้ที่ตันละ 15,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ราคานี้ ยังไม่ได้เป็นข้อสรุปสุดท้าย โดยจะต้องมีประชุมหารือกับสมาคมชาวนาข้าวไทย สมาคมส่งเสริมชาวนาไทย สมาคมชาวนาไทยและเกษตรกรไทย และประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ก่อน ซึ่งที่ผ่านมา ชาวนาได้มีข้อเสนอกำหนดราคารับจำนำที่ตันละ 1.35 หมื่นบาท
ทั้งนี้ ยอมรับว่าสาเหตุที่ต้องลดวงเงินรับจำนำลง เนื่องจากงบประมาณที่มีอยู่ในมีอยู่อย่างจำกัด และจำเป็นต้องจำกัดวงเงินในการดำเนินการ โดยกระทรวงการคลังมีกรอบวงเงินที่จะรับการขาดทุนได้เพียง 7 หมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งการลดราคารับจำนำลงเหลือ 1.2 หมื่นบาทนั้น ได้มีการคำนวณต้นทุนการผลิตจะเฉลี่ยที่ตันละ 6,000 บาท เนื่องจากผลผลิตต่อไร่เฉลี่ยจะอยู่ที่ 600 -800 กก.ต่อไร่ ในขณะที่ข้อเสนอของชาวนา ที่เอามาจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คำนวณไว้ที่ 9,000 บาทต่อไร่ นั้นคิดบนพื้นฐานผลผลิตเฉลี่ยเพียง 300 กว่ากก.ต่อไร่ เท่านั้น
ซึ่งหากชาวนาขายข้าวเปลือกที่ความชื้น 25 % ชาวนาก็ยังขายข้าวได้ที่ราคาตันละ 10,250 บาท ซึ่งยังมีกำไรตันละ 3,000 -4,000 บาท และทางรัฐบาลเองจะช่วยดูแลลดต้นทุนการผลิตให้ โดยได้ขอให้ทางธ.ก.ส. ไปหามาตรการช่วยลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้ชาวนา และกระทรวงเกษ๖รฯจะหาวิธีการลดต้นทุนให้อีก ตันละ โดยเฉลี่ยประมาณ 1,000 บาท
“หากชาวนายังต้องการราคาจำนำที่ 1.35 หมื่นบาท ชาวนาไม่ช่วย รัฐบาลไม่มีเงินพอ พอเงินหมด โครงการจำนำก็จบ จำนำได้เพียงรอบเดียว แต่หากลดราคาจำนำมาเหลือ 12,000 บาท รัฐบาลจะจำนำได้ต่อไป 2 รอบ“นส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าว
ที่มา โพสต์ทูเดย์
|