ุ
วานนี้ (26 ก.ค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดให้เอกชนยื่นซองประมูล ซื้อข้าวในสต็อกของรัฐบาลเป็นครั้งแรก ภายหลังการเปลี่ยนแปลงทีมบริหารข้าวชุดใหม่ของรัฐบาล ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากผู้ส่งออกแค่ 5 รายเท่านั้น
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า การยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวในสต็อกรัฐบาลวานนี้ (26 ก.ค.) เป็นไปด้วยความเงียบเหงา โดยเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามาเสนอราคาตั้งแต่เวลา 08.30 น. จนถึงเวลา 16.30 น. แต่ในช่วงเช้าไม่มีภาคเอกชนรายใด มายื่นเสนอราคาซื้อข้าวจนถึงเวลา 14.15 น. ภาคเอกชนจึงทยอยมายื่นซองเสนอราคา จนถึงเวลา 16.30 น. มีเอกชนรวม 5 ราย ได้แก่ บริษัท ไทยฟ้า (2511) จำกัด เสนอซื้อข้าวขาว 5% อย่างเดียว ส่วนบริษัท แคปปิตัลซีเรียลส์ จำกัด, บริษัท เอเชีย โกลเด้น ไรซ์ จำกัด, บริษัท พงษ์ลาภ จำกัด และ บริษัท ไชยพรไรซ์แอนด์ฟู้ดโปรดักต์ จำกัด เสนอซื้อทั้งปลายข้าวขาวเอวันเลิศ และ ข้าวขาว 5%
สำหรับข้าวในสต็อกรัฐบาลที่นำมาประมูลนั้น เป็นข้าวตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 โดยแบ่งเป็นปลายข้าวเอวันเลิศ จำนวน 200,000 ตัน เพื่อจำหน่ายในประเทศหรือส่งออกต่างประเทศ และข้าวขาว 5% จำนวน 150,000 ตัน แบบยกคลังเพื่อส่งออกต่างประเทศ รวมปริมาณข้าวที่ทำการประมูลรวมกว่า 350,000 ตัน ซึ่งมาจากคลังกลางขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.)
นอกจากนี้ กรมการค้าต่างประเทศ ยังเปิดให้เอกชนเสนอราคาซื้อข้าวเปลือกเจ้า 5% จากโรงสีในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2555/2556 รอบ 2 เพื่อนำไปแปรรูปเป็นข้าวนึ่งส่งออกต่างประเทศ จำนวน 200,000 ตัน โดยกำหนดให้มีการยื่นซองเสนอราคาประมูลในวันอังคารที่ 30 ก.ค. นี้ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น.
ผู้ส่งออกเสนอเกินปริมาณเปิดประมูล
นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ ผู้อำนวยการสำนักบริหารการค้าข้าว กรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า หลังจากปิดซองประมูลข้าวแล้ว คณะกรรมการระบายข้าวที่มีอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเป็นประธาน จะเรียกประชุมเพื่อเสนอต่อรองราคากับเอกชน ที่เข้ายื่นซองประมูลในสต็อกข้าวรัฐบาล เมื่อได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อย ก็จะรายงานต่อนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เพื่อให้ความเห็นชอบกับราคาที่เสนอไป ทั้งนี้ ยืนยันว่าในการพิจารณาราคาที่ภาคเอกชนยื่นซองประมูลมานั้น จะพิจารณาในราคาที่สูงที่สุด ดีที่สุด รวมทั้งจะดำเนินการพิจารณาให้เกิดความโปร่งใสด้วย
นางปราณี ศิริพันธ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า จากการประเมินเบื้องต้นปริมาณข้าวที่เอกชนเสนอซื้อเข้ามา มีสูงกว่าปริมาณที่รัฐเปิดประมูลอยู่ที่ 3.5 แสนตัน ทำให้คาดว่าจะได้ราคาขายที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม หากการเจรจาต่อรองแล้ว ไม่ได้ราคาที่ดีเหมือนที่กำหนดไว้แล้วนั้น ก็พร้อมจะยกเลิกการประมูลทันที ซึ่งหากต้องยกเลิกจริงอาจต้องมาพิจารณาประเมินข้อผิดพลาดจากการประมูลครั้งนี้อีกครั้ง
ชี้ตลาดซบผู้ส่งออกร่วมประมูลน้อย
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวภายหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์เปิดยื่นซองประมูลข้าวสต็อกรัฐบาล 3.5 แสนตัน ว่า สาเหตุที่ผู้ประกอบการส่งออกข้าวให้ความสนใจน้อยราย อาจมาจากสาเหตุหลัก 2 ส่วน คือ ภาคเอกชนไม่มั่นใจในราคาที่ขาย ซึ่งหากมีราคาถูกมากเกินไป ก็อาจจะทำให้ขาดทุน รวมถึงในสัญญาทีโออาร์ มีกฎบังคับให้ต้องส่งออก ภายหลังการประมูลแล้วภายใน 45 วัน มิเช่นนั้นจะต้องเสียค่าปรับสูงถึง 25% ของมูลค่าข้าว
ขณะที่ เหตุผลต่อมาคือช่วงนี้เป็นช่วงที่ความต้องการข้าวในตลาดต่างประเทศลดน้อยลง เนื่องจากเป็นช่วงซัมเมอร์และท่องเที่ยวของตลาดหลัก ก็อาจจะทำให้การส่งออกในช่วงนี้ไม่สดใสนัก ดังนั้น ในครั้งแรกที่กระทรวงพาณิชย์เปิดยื่นซอง ผู้ส่งออกรายเล็กๆ อาจจะต้องขอดูแนวทางก่อนว่าจะเป็นอย่างไร
อินโดนีเซียส่อเลิกนำเข้าข้าวปีนี้
สำนักงานพลาธิการอาหารอินโดนีเซีย (บูล็อก) เปิดเผยว่า ปีนี้อินโดนีเซียเก็บสต็อกสำรองข้าวไว้ได้มากเกือบ 3 ล้านตันแล้ว จึงลดแนวโน้มที่อาจจะต้องนำเข้าข้าวเพิ่มในปีนี้
ปริมาณสำรองที่มีอยู่จำนวนมาก ประกอบกับความเป็นไปได้ ที่ในปีนี้อินโดนีเซียอาจไม่มีการนำเข้าข้าว ถือเป็นข่าวที่ไม่ค่อยดีนักสำหรับไทย ที่รัฐบาลตั้งเป้าว่าจะขายข้าวให้ได้สูงสุด 1.5 ล้านตันต่อเดือน ตลอดช่วงเวลาที่เหลืออยู่ในปีนี้
ในช่วงต้นเดือนนี้ บูล็อก ซึ่งตามปกติจะรักษาปริมาณสต็อกข้าวไว้ที่ราว 1.5-2 ล้านตัน ผ่านทางการรับซื้อข้าวท้องถิ่น และการจัดหาในภูมิภาค ออกมาระบุว่า อาจจะนำเข้าข้าวมากสุดถึง 600,000 ตันในปีนี้ แต่ขณะเดียวกันก็แสดงความหวังด้วยว่า จะไม่ต้องนำเข้าข้าวในปี 2556 แต่อย่างใด
ชี้ผลผลิตภายในเพิ่ม ไม่ต้องสำรอง
นายซูตาร์โต อาลิโมโซ ซีอีโอบูล็อก กล่าวว่า ปริมาณข้าวสำรองตามโกดังต่างๆ ของบูล็อกรวมแล้วอยู่ที่ราว 2.82 ล้านตัน จนถึงขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่า อินโดนีเซียจำเป็นต้องนำเข้าข้าวในปีนี้หรือไม่ เพราะว่ายังสามารถพึ่งพาผลิตท้องถิ่นได้อยู่ ซึ่งหากผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นราว 5% เหมือนเมื่อปีที่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนำเข้าเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ สำนักงานสถิติอินโดนีเซีย คาดการณ์ว่า ผลผลิตข้าวเปลือกในประเทศจะเปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้วเล็กน้อย ที่ 69.27 ล้านตัน ขณะที่กระทรวงเกษตรมองว่า ผลผลิตจะเพิ่มขึ้น 5% มาอยู่ที่ 72.1 ล้านตัน โดยเมื่อปีที่แล้วอินโดนีเซียนำเข้าข้าว 1.38 ล้านตัน ซึ่งตามปกติแล้วจะซื้อจากเวียดนาม อินเดีย และ ไทย
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|