ุ
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ตลาดส่งออกข้าวปีนี้เชื่อว่าอินเดียจะยังส่งออกได้สูงสุดต่อจากปีก่อน เพราะมีสต็อกสูงถึง 30 ล้านตัน และอินเดียได้เปรียบในแง่การส่งออกไปแอฟริกา เพราะมีระยะทางใกล้กว่า ทำให้มีต้นทุนราคาขายถูกกว่าเวียดนาม ส่งผลให้เวียดนามต้องลดราคาขายลง จากก่อนหน้านี้ที่ราคาเฉลี่ยตันละ 400-410 ดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ตันละ 370-380 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ทิศทางราคาข้าวโลกช่วงนี้ไม่มีปัจจัยที่จะทำให้ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาส่งออกข้าวไทยทรงตัวอยู่ที่ตันละ 550-560 ดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าคู่แข่งประมาณตันละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ประเมินว่าคำสั่งซื้อข้าวจากนี้ไปจะยังไม่มีเข้ามามากนัก

ทั้งนี้ ช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ไทยส่งออกข้าวได้ 2 .4 ล้านตัน เหลืออีก 8 เดือนหากไทยต้องการจะส่งออกให้ได้ตามเป้าหมาย 8.5 ล้านตัน จะต้องส่งออกให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 8 แสนตัน  ซึ่งมีความเป็นไปได้ยากมาก ทำให้ปีนี้ประเมินว่าอินเดียจะเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 รองลงมาคือเวียดนาม และตามด้วยไทย

“4 เดือนที่ผ่านมา เราส่งออกเฉลี่ยเดือนละ 6 แสนตัน หากช่วงที่เหลือ 8 เดือน สามารถส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละ 6 แสนตันเหมือนกับที่ผ่านมา 4 เดือน ก็จะส่งออกได้รวมทั้งปี 7.2 ล้านตัน แต่ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าราคาข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่งเกือบตันละ 100 ดอลลาร์ ทำให้ผู้ซื้อหนีไปซื้อข้าวราคาถูกจากอินเดียและเวียดนามแทน ซึ่งเดิมสมาคมฯ ตั้งเป้าว่าปีนี้จะส่งออกได้ 6.5 ล้านตัน ดูแล้วไม่น่าจะได้ ดีสุดนะ 6 ล้านตันก็เหนื่อยแล้ว” นายชูเกียรติกล่าว

สำหรับสถานการณ์ตลาดค้าข้าวปีนี้ ความต้องการซื้อจะน้อยลง หลังจากที่ปีก่อนผู้ซื้อรายใหญ่ เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ได้เก็บสต็อกข้าวไว้มากแล้ว โดยปีนี้ฟิลิปปินส์ซื้อข้าวไปแล้ว 1.8 แสนตัน และยังไม่มีสัญญาณว่าจะซื้อเพิ่ม ขณะที่อินโดนีเซียตั้งแต่ต้นปียังไม่สั่งซื้อข้าวเลย เนื่องจากมีสต็อกอยู่จำนวนมาก

ด้าน นายทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า การระบายข้าวในสต็อกรัฐในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ยังคงเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้อยู่ระหว่างทยอยส่งมอบ และมีการเจรจาขายข้าวสำหรับผลผลิตใหม่ที่รัฐได้รับจากโครงการรับจำนำ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าประเทศผู้ส่งออกข้าวในภูมิภาคอาเซียน ทั้งพม่า กัมพูชา และลาว ต่างเป็นผู้ขายหน้าใหม่ที่ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด และต้องสร้างความร่วมมือกัน ทั้งด้านการผลิตและการจำหน่ายเพื่อให้อาเซียนเป็นแหล่งผลิตและขายข้าวของโลก

“ตอนนี้มีเสือ 4 ตัว คือ ไทยเป็นเสือตัวเก่งที่กำลังเผชิญความท้าทาย พม่าคือเสือที่เคยเก่งและกำลังจะออกจากถ้ำ เวียดนามเป็นเสือหนุ่มที่ค่อนข้างก้าวร้าวในตลาด และกัมพูชาเป็นเสือเด็กที่เพิ่งหัดทำตลาด เราก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความร่วมมือกันมากขึ้น” นายทิฆัมพรกล่าว

ที่มา ไทยโพสต์