www.thairiceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

ตั้ง 3 กูรูที่ปรึกษาบอร์ดข้าว


นายเจริญ  เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) หรือบอร์ดข้าวที่มีพล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เป็นประธาน ได้มีการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ 3 รายเป็นกรรมการใน นบข. ประกอบด้วย นายเจริญ  เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ดร.นิพนธ์  พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)  และนายอำนวย  ปะติเส  ประธานกรรมการยุทธศาสตร์ สภาเกษตรกรแห่งชาติ โดยมีหน้าที่ให้ข้อเสนอแนะและคำปรึกษาต่างๆ

ทั้งนี้บอร์ดข้าวจะมีการประชุมนัดแรกในวันที่ 1 กรกฎาคม 2557 ณ กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน คาดจะมีการหารือในประเด็นแนวทางการช่วยเหลือชาวนาในเรื่องการลดต้นทุนหลังสิ้นสุดโครงการรับจำนำข้าว รวมถึงแนวทางการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลหลังจากที่ได้มีการเปลี่ยนตัวปลัดกระทรวงพาณิชย์จากนางศรีรัตน์  รัษฐปานะ เป็นนางสาวชุติมา  บุณยประภัศร โดยแนวทางและเป้าหมายการระบายจะต้องได้ราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพข้าว และช่วยยกระดับราคาข้าวเปลือกที่เกษตรกรขายได้เป้าหมายที่ 8.5-9 พันบาทต่อตัน

ขณะที่นางสาวกอบสุข  เอี่ยมสุรีย์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย  และกรรมการบริหารหอการค้าไทย เผยว่า ทั้งสองสถาบันได้ส่งยุทธศาสตร์ข้าว 3 เรื่องไปยัง คสช. แล้วได้แก่ ยุทธศาสตร์การลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต 2.การจัดตั้งเครือข่ายกลุ่มผู้เกี่ยวข้องในวงการข้าว เพื่อบูรณาการการทำงานให้มีความสอดคล้องกัน และ 3. การจัดตั้งกองทุนข้าวและชาวนาโดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษในการส่งออกข้าว (เซอร์ชาร์จ) ซึ่งจะได้มีการหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องถึงอัตราที่เหมาะสมต่อไป

"ที่ผ่านมาผู้ส่งออก เวลาซื้อข้าวจากโรงสี ต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายนำส่งคลังในอัตรา 0.75% แต่มีการจัดเก็บไม่ทั่วถึงและมีความเหลื่อมล้ำกันเช่นโรงสีที่เป็นผู้ส่งออกด้วยไม่เสีย ผู้ส่งออกบางคนหัวหมอบอกซื้อข้าวจากนาย ก. นาย ข.โดยไม่กลัวสรรพากร ดังนั้นในการจัดเก็บครั้งใหม่นี้เราเสนอให้เก็บค่าธรรมเนียมจากทุกฝ่ายที่มีการส่งออกเพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบ-เสียเปรียบกัน เรื่องนี้เป็นข้อเสนอของสมาคมกับหอการค้าไทย ผู้ส่งออกส่วนใหญ่ยอมหรือไม่ไม่รู้ แต่คุณเจริญ(นายกสมาคมส่งออกข้าว)ได้เสนอแนวทางให้ คสช.พิจารณาแล้ว ซึ่งจะได้มีโอกาสอธิบายในรายละเอียดต่อไป"

สำหรับกองทุนข้าวและชาวนา หากเกิดได้จริง เบื้องต้นมีเป้าหมายเพื่อใช้เป็นทุนในการพัฒนาและสนับสนุนอุตสาหกรรมข้าวทั้งระบบ ต้ององค์กรมีคณะกรรมการบริหารกองทุนที่มาจากผู้มีส่วนได้-เสียรวมถึงตัวแทนจากภาครัฐเข้ามาช่วยกันดูแล รวมถึงการกำหนดนโยบาย วัตถุประสงค์ เงื่อนไข รายละเอียดแผนงาน หรือกิจกรรมที่สามารถนำเงินกองทุนไปใช้ได้ เช่น การวิจัยและพัฒนา การพัฒนาเทคโนโลยี การเผยแพร่ความรู้ในการลดต้นทุน และเพิ่มผลผลิต เป็นต้น

ด้านนายเจริญ  เหล่าธรรมทัศน์ กล่าวเสริมว่า อัตราการจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ส่งออกข้าวเพื่อเข้ากองทุนข้าวและชาวนาในครั้งนี้จะเป็นอัตราเท่าใดนั้นคงต้องหารือกันต่อไป อาจจะเป็น0.75 หรือ 1% ต่อตัน เบื้องต้นกองทุนไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาทบวกกับเงินที่รัฐบาลจะสมทบ รวมถึงเสนอให้นำเงินจากที่ผู้ส่งออกต้องเสียให้กับกรมการค้าต่างประเทศเพื่อส่งออกข้าวภายใต้โควตาภาษี(ปีละ 2.6 หมื่นตัน) ของสหภาพยุโรป (อียู) โดยเสียค่าธรรมเนียมอัตราตันละ 2.5 พันบาท ซึ่งจะมีเงินจากส่วนนี้อีกประมาณปีละ 500 ล้านบาท เมื่อนำทั้ง 3 ส่วนมารวมกันคาดจะมีเงินกองทุนฯเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท

ที่มา หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

 

TREA on Facebook


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@thairiceexporters.or.th


Copyright © 2014 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.