ุ
ร.ต.ท. เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่าสมาคมฯได้ประเมินภาวะราคาข้าวและทิศทางการส่งออกข้าวของไทยในปี 2557 โดยคาดว่าการส่งออกข้าวในปีนี้จะมีปริมาณ 7.5 ล้านตัน มูลค่า 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ที่มีการส่งออกปริมาณ 6.61 ล้านตัน มูลค่า 4,420 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ การส่งออกส่วนใหญ่จะยังเป็นข้าวขาว ปริมาณ 3.2 ล้านตัน รองลงมาคือข้าวหอมมะลิ 2.1 ล้านตัน ข้าวนึ่ง 2.0 ล้านตัน ข้าวเหนียว 0.14 ล้านตัน และ ข้าวหอมปทุมธานี 0.06 ล้านตัน

อย่างไรก็ตาม สมาคมจะมีการประเมินปริมาณการส่งออกข้าวทั้งปีนี้ใหม่ ในอีก 6 เดือนข้างหน้า หรือหลังจากที่มีรัฐบาลถาวรแล้ว ว่าจะมีการนำนโยบายรับจำนำข้าวกลับมาอีกหรือไม่ รวมถึงจะมีการประเมินสถานการณ์ด้านสภาพอากาศ ราคา อัตราแลกเปลี่ยนเพราะค่าเงินบาทอ่อนค่าทุก 1 บาทจะทำให้ราคาข้าวไทยอ่อนตัวลง 30 บาทต่อตันทันที และภาวการณ์แข่งขันในช่วงนั้นอีกครั้ง

ในส่วนของภาพรวมสถานการณ์การค้าข้าวโลกปี 2557 กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้ประเมินว่าการค้าโลกปีนี้มีปริมาณ 40.23 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 5% โดยผู้ค้าอันดับหนึ่ง ได้แก่ อินเดีย 10 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อน 4.76% อันดับสอง ไทย 8.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 26.87% เวียดนาม 7.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4.17% ปากีสถาน 3.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 3.03%

ส่วนประเทศผู้นำเข้า ที่สำคัญปี 2557 ได้แก่ จีน 3.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 6.25% ไนจีเรีย 3 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 7.14% อิหร่าน 1.65 ล้านตัน ลดลง 13.16% อินโดนีเซีย 1.50 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 130.77% และอิรัก 1.40 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0%

ร.ต.ท.เจริญ กล่าวอีกว่า ศักยภาพผู้ส่งออกข้าวขอไทยเฉลี่ยเดือนละ 1 ล้านตัน แต่จะสามารถส่งออกได้สูงมากเพียงใด ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการด้านราคา ขีดความสามารถของคู่แข่ง ซึ่งราคาข้าวไทยหลังดำเนินโครงการรับจำนำข้าวช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีราคาลดลงจากตันละ 600 ดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ ตันละ 400 ดอลลาร์สหรัฐ แต่มีช่วงห่างจากราคาข้าวของเวียดนาม เฉลี่ยที่ ตันละ 20-30 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ผู้ส่งออกข้าวของไทยมีพื้นที่ในการแข่งขันมากขึ้น แต่ก็ต้องจับตาว่าคู่แข่งจะลดราคาลงมา เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดหรือไม่

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นสต็อกข้าวของไทย ซึ่งจากการประเมินคาดว่าไทยจะมีข้าวอยู่ถึง 20 ล้านตันข้าวสาร ซึ่งเป็นข้าวที่ไทยจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2554/55 2555/56 และ2556/57 ขณะที่อินเดียมีข้าวสต็อกสำรองอยู่ไม่น้อยกว่า 30 ล้านตัน ปริมาณซัปพลายในตลาดที่มีอยู่ ประเมินว่าจะเป็นแรงกดดันให้ราคาข้าวไม่สูงขึ้นและพฤติกรรมผู้ซื้อจะเปลี่ยนไปคือไม่ซื้อข้าวล็อตใหญ่ๆ เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

"แม้ไทยจะมีสัดส่วนการส่งออก 18 % ของโลก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะกำหนดราคาขายเองได้ ภายใต้ตลาดการค้าเสรี ซึ่งมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อีกมากในการกำหนดราคา อย่างภาวะการเพาะปลูกทั่วโลก คู่แข่งขัน นโยบายภาครัฐ อัตราแลกเปลี่ยน ในปีนี้ประเมินว่าราคาข้าวจะไม่ขึ้น ถ้าภัยพิบัติก่อให้เกิดความฝืดเคืองทางอาหารอย่างรุนแรง"

ด้านคู่แข่งพบว่า ข้าวผลผลิตหลักของเวียดนามกำลังจะออกสู่ตลาด ซึ่งคาดว่าจะจะมีผลผลิตทีดี ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวลดลงอีก แต่ไม่น่าจะลดต่ำกว่าตันละ 7,000 บาท (ข้าวเปลือกเจ้า) เพราะเป็นต้นทุนการผลิตทั้งของไทยและเวียดนาม สำหรับราคาข้าวสารเจ้าขณะนี้เฉลี่ยตันละ 13,000-13,500 บาท หากเทียบเป็นราคาส่งออก (เอฟโอบี) อยู่ที่ตันละ 430 ดอลลาร์สหรัฐ และ หากราคาที่มีการระบายข้าวของรัฐบาลเฉลี่ยที่ตันละ 11,000 บาท ก็จะเป็นราคาส่งออกตันละ 360-365 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าเวียดนาม และเป็นราคาที่สามารถแข่งขันได้

อย่างไรก็ตาม ในการระบายข้าวของรัฐบาลครั้งล่าสุดที่จะมีขึ้นสัปดาห์หน้า ปริมาณ 4 แสนตันต้องประเมินว่ามีความโปร่งใส เป็นข้าวที่มีคุณภาพตามที่ตลาดต้องการ และมีราคาที่ยุติธรรมเหมาะสมหรือไม่ หากเป็นไปตามนี้ก็คาดว่าจะมีผู้ส่งออกสนใจเข้าร่วมประมูล

ที่มา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์