ุ
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเปิดเผย กรณีล่าสุดจีนได้ลงนามซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี กับรัฐบาลไทยจำนวน 1ล้านตันและจะส่งมอบให้แล้วเสร็จภายใน12 เดือนนั้นถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อการส่งออกข้าวไทยหลังจากที่ไม่ได้มีการซื้อขายข้าวกับไทยมานานกว่า2 ปีเพราะราคาข้าวไทยสูงกว่าประเทศอื่นมากจากโครงการรับจำนำข้าวราคาสูงกว่าราคาตลาดประกอบกับขาดความเชื่อมั่นเรื่องคุณภาพข้าว
ดังนั้นการกลับมาซื้อข้าวไทยจากจีนจึงช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับข้าวไทยและน่าจะช่วยให้ประเทศอื่นทยอยมาซื้อข้าวจากไทยเพิ่มขึ้นคาดว่าในปีนี้ไทยน่าจะส่งออกข้าวได้รวม7.5-8 ล้านตัน
นอกจากนี้การที่รัฐบาลขายข้าวให้กับจีนไม่ได้แย่งตลาดกับเอกชนเพราะรัฐขายข้าวขาวส่วนเอกชนขายข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียวให้กับจีน
ส่วนเรื่องราคาขายข้าวจีทูจีให้กับจีนในครั้งนี้คาดรัฐบาลไทยจะขายต่ำกว่าราคาตลาดคาดราคาขายจะอยู่ที่ประมาณ 400 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในช่วงนี้หลายๆประเทศยังชะลอการตัดสินใจซื้อจ้าวจากไทย เนื่องจากรู้ว่ารัฐบาลมีแรงกดดันเรื่องการระบายข้าวที่ต้องระบายให้ได้เดือนละ1 ล้านตันเพื่อนำเงินมาใช้คืนงบกลางที่เบิกจ่ายมา 2 หมื่นล้านบาทภายในวันที่ 31พฤษภาคม นี้จึงทำให้เป็นแรงกดดันราคาข้าวไทยปรับขึ้นลำบากเพราะคู่ค้ากังวลว่าหากซื้อช่วงนี้จะราคาแพงและเชื่อว่ารัฐบาลต้องระบายข้าวออกมาจำนวนมาก
ดังนั้นราคาน่าจะปรับลดลงได้อีกเช่นเดียวกับการเปิดประมูลทั่วไปซึ่งจะเปิดให้ยื่นซองในวันที่10 มีนาคมนี้คาดว่าน่าจะมีผู้ประกอบการให้ความสนใจน้อยลงเพราะกังวลเรื่องราคาและคุณภาพ
อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวจากกรมการค้าต่างประเทศถึงกรณีที่มีข่าวระบุว่าตามที่คต.ได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจีกับคอฟโกของจีนเมื่อวันที่5 มีนาคม 2557 ในปริมาณรวม 1 ล้านตันนั้นเป็นการไปแย่งโควตาที่ภาคเอกชนได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ที่สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยได้ทำไว้กับคอฟโกในปริมาณรวม 1 ล้านตันภายในระยะเวลา 5 ปีซึ่งอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อการส่งออกข้าวของภาคเอกชนบางส่วนที่อาจต้องเสียภาษีนำเข้าข้าวนอกโควตาของจีนสูงกว่า 60% นั้นเรื่องนี้กรมฯขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่าเนื่องจากประเทศจีนนับเป็นตลาดข้าวที่สำคัญของไทยซึ่งไทยและประเทศผู้ส่งออกข้าวอื่นๆต่างพยายามเพิ่มปริมาณการส่งออกข้าวไปยังจีนให้มากที่สุดซึ่งปัจจุบันจีนเป็นตลาดข้าวที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ผ่านมาในแต่ละปีภาคเอกชนไทยจะส่งออกข้าวไปจีนโดยเฉลี่ยประมาณปี 2 -3 แสนตันโดยส่วนใหญ่เป็นข้าวหอมมะลิซึ่งก็สอดคล้องกับที่ภาคเอกชนไทยได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจกับคอฟโกในช่วงเดือนตุลาคม 2556 ปริมาณรวม 1 ล้านตันและส่งมอบภายในระยะเวลา 5 ปีเฉลี่ยปีละ 2 แสนตันการที่รัฐบาลไทยได้ไปลงนามในสัญญาซื้อขายข้าวในครั้งนี้จึงไม่กระทบต่อโควตาที่ภาคเอกชนไทยจะส่งออกไปยังประเทศจีนเนื่องจากข้าวที่จะส่งมอบภายใต้สัญญาฯ
ดังกล่าวจะเน้นเป็นข้าวขาวและปลายข้าวเป็นส่วนใหญ่และที่สำคัญการส่งมอบข้าวให้จีนตามสัญญาดังกล่าวจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดข้าวไทยในตลาดจีนที่มีการนำเข้าข้าวขาวจากเวียดนามและปากีสถานในปริมาณมากซึ่งการทำสัญญากับคอฟโก ในครั้งนี้จึงเป็นการกลับเข้าสู่ตลาดจีนอย่างเต็มตัวของไทยและจะเป็นการสร้างความนิยมบริโภคข้าวไทยให้มากยิ่งขึ้นดังนั้นจึงถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของข้าวไทยในตลาอจีน
ทั้งนี้ กรมฯพร้อมที่จะร่วมมือกับภาคเอกชน/ผู้ส่งออกไทยที่จะดำเนินการปรับปรุงและส่งข้าวให้ไทยเป็นไปตามมาตรฐานและคุณภาพที่ฝ่ายจีนต้องการโดยจะมีการออกประกาศเชิญชวนฯภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าทางฝ่ายภาคเอกชนก็น่าจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่อยู่แล้ว
นอกจากนี้กรมฯยังจะมีการระบายข้าวโดยวิธีออกประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปให้แก่ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวในสต็อกของรัฐบาลในวันที่10 มีนาคม 2557 ประมาณ 5 แสนตันซึ่งคาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลจำนวนมากโดยจะทำให้การระบายข้าวของรัฐบาลดำเนินไปได้ด้วยดีและเป็นไปตามแผนการระบายข้าวที่กำหนดไว้
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
|