ุ
แหล่งข่าวจากผู้ส่งออกข้าว เปิดเผยว่า ได้รับการทาบทามจากกระทรวงพาณิชย์ ให้ร่วมเดินทางไปโรดโชว์ยังตลาดข้าวที่สำคัญ เช่น แอฟริกา มาเลเซีย และตะวันออกกลาง เพื่อดึงตลาดที่เคยเป็นของไทยก่อนหน้านี้ และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเพื่อให้การส่งออกข้าวปี 2558 เป็นไปตามเป้าหมายมากกว่า 10 ล้านตัน เช่นเดียวกับปี 2557 ที่คาดว่าทั้งปีจะส่งออกข้าวได้ถึง 11 ล้านตัน
รูปแบบการโรดโชว์จะมีทั้งภาครัฐและเอกชน เดินทางไปพบปะลูกค้าร่วมกัน หากตลาดใดมีความต้องการทำการค้าแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ก็จะให้กรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการ แต่หากตลาดใดต้องการทำการค้ากับเอกชน แต่ให้รัฐเป็นผู้รับรองสัญญาการซื้อขาย หรือ รัฐกับเอกชน (จีทูพี) ก็จะให้เอกชนที่มีศักยภาพดำเนินการได้ทันที รวมถึงถ้าเอกชนมีความสามารถทำตลาดกันเอง (พีทูพี) ก็สามารถทำได้
แหล่งข่าวกล่าวว่า ปีหน้าคาดว่าตลาดจะยังมีการแข่งขันสูงเนื่องจากอินเดียและปากีสถาน ที่เดิมคาดว่าจะมีผลผลิตน้อยกลับไม่เป็นไปตามนั้น การเร่งทำตลาดจะช่วยให้ไทยมีแหล่งรองรับสินค้าสำรองไว้
สำหรับแผนการส่งออกข้าวของกระทรวงพาณิชย์ ปัจจุบัน ประกอบด้วยการเร่งรัดส่งออกข้าวหอมมะลิ ปลายข้าวและข้าวนึ่งไปยังตลาดแอฟริกา และตะวันออกกลาง รวม 2 ล้านตัน ส่งออกข้าวหอมมะลิและข้าวขาว ไปตลาดมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ 7 แสนตัน ข้าวหอมมะลิและข้าวขาวฤดูกาลใหม่ ไปยังจีน 3 แสนตัน ข้าวหอมมะลิ ข้าวคุณภาพดี ไปยังฮ่องกงและสิงคโปร์ 2 แสนตัน
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สถานการณ์ตลาดส่งออกปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูงมาก โดยเฉพาะเวียดนามที่เสนอขายข้าวในราคาต่ำกว่าไทยเฉลี่ยตันละ 15 ดอลลาร์ สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา เวียดนามส่งออกข้าวลดลง โดยม.ค. -20 พ.ย. เวียดนามส่งออกข้าวได้เพียง 5.5 ล้านตัน ต่ำกว่าปีก่อนที่ส่งออกได้ถึง 6.1 ล้านตัน หรือลดลงประมาณ 10.1% ซึ่งการเปิดประมูลข้าวของอิรักล่าสุด เวียดนามเสนอราคาข้าวขาวต่ำกว่าไทยถึงตันละ 18 ดอลลาร์คาดว่าเวียดนามน่าจะชนะการประมูลในครั้งนี้
“ตอนนี้เวียดนาม เร่งดั้มพ์ราคาข้าวลงมาอย่างมาก หลักๆ ก็เพื่อแข่งกับไทย ทำให้สมาคมอาหารเวียดนามได้ประกาศกำหนดราคาส่งออกขั้นต่ำ โดยให้ข้าวขาว 25% ต้องขายไม่ต่ำกว่า ตันละ 380 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนข้าวชนิดอื่นยังขายได้เสรี ซึ่งถ้าเวียดนามขายข้าวราคาต่ำมากๆ ก็จะไม่เป็นผลดีกับข้าวไทยเพราะช่วงปลายเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา มีข่าวว่าไทยจะระบายสต็อกข้าวก็ยิ่งทำให้ราคาข้าวเวียดนามลดลงมาอีกตันละ 15-30 ดอลลาร์ซึ่งไม่ดีต่อภาพรวมราคาตลาดโลกแน่” แหล่งข่าวกล่าว
ที่มา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
|