ุ
นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในตรวจคลังกลาง บริษัท นำชัยข้าวไทย จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งเป็นคลังกลางเก็บข้าวโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูการผลิตปี 2556/2557 เพื่อตรวจสอบคุณภาพข้าว ก่อนเปิดประมูลขายข้าวผ่านเอเฟต ซึ่งพบว่า เป็นข้าวใหม่ คุณภาพดี ความชื้นอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 15

นายยรรยง กล่าวว่า การตรวจสต๊อกข้าวของผู้ส่งออกครั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าสต๊อกข้าวของภาครัฐและเอกชนมีอยู่จริง ไม่ได้เป็นสต๊อกลมตามที่เป็นข่าว ซึ่งตามกฎหมายแล้วผู้ส่งออกจะต้องมีสต๊อกข้าวตลอดเวลาไม่ต่ำกว่า 500 ตัน และหากไม่แจ้งสต๊อกข้าวมาภายในระยะเวลาที่กำหนด จะมีความผิดตามกฎหมาย จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือ มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

โดยหลังจากมีการแจ้งสต๊อกข้าวแล้ว กรมการค้าภายใน จะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบคุณภาพข้าว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ หรือ ผู้ซื้อข้าว คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ ในการรายงานสต๊อกข้าวที่ชัดเจนให้กับรัฐบาล

ส่วนการหาเงินมาชำระคืนให้กับชาวนา กระทรวงพาณิชย์ เร่งระบายข้าวต่อเนื่อง โดยในเดือนมีนาคมนี้ ตั้งเป้าระบายข้าวให้ได้ 1 ล้านตัน โดยเป็นการระบายเปิดประมูลแบบทั่วไป 2 ครั้ง และผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า หรือ เอเฟตอีก 2 ครั้ง คือ ในวันที่ 10 มีนาคมนี้ เปิดประมูลแบบทั่วไป จำนวน 5 แสนตัน และในวันที่ 12 มีนาคมนี้ จำนวน 244,454 ตัน จาก 8 จังหวัด 12 คลัง คือ สระบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท กำแพงเพชร สระแก้ว ศรีสระเกษ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี แบ่งเป็นข้าวขาว 5% จำนวน 106,479 ตัน และข้าวหอมมะลิ จำนวน 80,375 ตัน และผ่านการเปิดประมูลแบบทั่วไป ในวันที่ 26 มีนาคมนี้ จำนวน 247,000 ตัน

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ จะเริ่มเปิดประมูลข้าวในภูมิภาคภายในเดือนมีนาคมนี้ในจังหวัดเชียงราย พิจิตร และนครสวรรค์ ตั้งเป้าระบายข้าวให้ได้ 2 แสนตัน เดือนละ 2 ครั้ง

นายยรรยง กล่าวต่อว่า ขอความร่วมมือให้ผู้ส่งออกข้าว เร่งรายงานสต๊อกข้าวมายังกรมการค้าภายใน ภายในวันที่ 10 มีนาคมนี้ หลังสิ้นสุดโครงการรับจำนำข้าวฤดูการผลิตปี 2556/2557 รอบแรกเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมกำชับให้กรมการค้าภายใน รวบรวมข้อเท็จจริงกรณีที่มีกลุ่มหวังผลประโยชน์ เช่น อดีตผู้ส่งออก กลุ่มโรงสี อดีต ส.ส. พยายามออกมาให้ข้อมูลเท็จเรื่องข้าวในสต๊อกรัฐบาลเสื่อมคุณภาพ เพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีกับกลุ่มดังกล่าวที่หวังปั่นราคาข้าวให้ตกต่ำ โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์