ุ
ปี ม.ม้าคะนอง ต้องลุ้นระทึกอีกปีว่าไทยจะทวงคืนแชมป์ส่งออกข้าวโลกกลับมาได้หรือไม่ หลังจากต้องตกอันดับมาต่อเนื่อง 2 ปี นับจากปี 2555 ปริมาณ 6.9 ล้านตัน และล่าสุด 2556 ที่น่าจะปิดบัญชีประมาณ 6.5-6.6 ล้านตัน โดยตัวเลขส่งออกข้าว 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) 2556 ได้ปริมาณ 5.9 ล้านตัน คาดว่าในเดือนธันวาคมจะส่งออกได้เพิ่มอีก 6 แสนตันเท่านั้น
ในด้าน มูลค่ารวมคงได้ 1.2 แสนล้านบาท ลดลง 10% จากปีก่อน เท่ากับว่ารายได้จากการส่งออกหายไป 20,000 ล้านบาท คำถามคือแล้วปี 2557 นี้ อุตสาหกรรมข้าวไทยจะไปในทิศทางใด "ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ "เจริญ เหล่าธรรมทัศน์" อุปนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ว่าที่นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย คนที่ 23 แทนนางสาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ บิ๊กบอสค่ายกมลกิจ ที่ครบวาระ 4 ปี ในเดือนมกราคมนี้ ถึงภารกิจกุมบังเหียนสมาคมที่มีอายุเก่าแก่ถึง 95 ปี
- ท่าทีโครงการรับจำนำข้าว
หนัก ใจ เพราะตลาดไม่ใช่ภาวะปกติ มีสินค้าในสต๊อกค่อนข้างเยอะ ต้องหาทางระบายออก แต่ผมเชื่อว่าการจำนำข้าวไม่ว่าจะมีรัฐบาลไหนมาทำ คงต้องมีการปรับเปลี่ยนอีกมาก ทั้งราคา การประมูล และการระบาย ทุกอย่าง ไม่เช่นนั้นรัฐบาลจะต้องมีภาระสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ และผลประโยชน์ไม่ได้ตกถึงชาวนาทั้งหมด เราก็พูดมาเป็นเวลา 2 ปีแล้วว่า นโยบายนี้จะมีปัญหา คนแรกที่กระทบคือ ผู้ส่งออก โรงสี หยง และชาวนา เป็นวัวพันหลัก เมื่อขายไม่ได้ข้าวสารลงก็ไปฉุดข้าวเปลือกลงอีก และเรามีข้าวใหม่ทุกปี ถ้าไม่ส่งออกปีละ 8 ล้านตัน เท่ากับว่าเรามีสต๊อกใหม่เพิ่มอีกปีละ 2-3 ล้านตัน รวมสต๊อกข้าวเก่านับ 20 ล้านตัน
ฉะนั้นต้องเว้นวรรคจำนำก่อน หยุดการจำนำตรงนี้ นาปรังก็ต้องหยุดด้วย เพื่อไม่ให้มีข้าวใหม่เข้าไป จากนั้นจัดการขายข้าวโครงการใหม่ (ปี 2556/2557) ก่อน ขายข้าวสต๊อกเก่า 20 ล้านตันให้ภายในประเทศ เพราะคนไทยกินข้าวเก่า ซึ่งทางเรามีบุคลากร มีฟาซิลิตี้ พร้อมให้ความร่วมมือในทุก ๆ ด้าน
- สมมติเปลี่ยนขั้วแล้วกลับเป็นประกันรายได้
การ ชดเชยให้ชาวนาโดยตรงก็ดีนะ เพราะรัฐบาลสามารถควบคุมงบประมาณได้ รายได้ถึงมือชาวนาได้มากขึ้น รัฐบาลจะใช้ 2-6 แสนล้านบาทก็ไม่เป็นไร ดีกว่าไปตกที่อื่น แต่จำเป็นต้องมีการกำหนดราคาขั้นต่ำ เช่น ข้าวขาว 5% ความชื้น 15% ราคาตันละ 11,000-12,000 บาท ข้าวหอมมะลิตันละ 15,000-16,000 บาท ชาวนาน่าจะแฮปปี้ ถ้าต่ำกว่านี้ก็ต้องไปแทรกแซงดึงราคาให้สูงขึ้น หรือช่วยประกันภัย ช่วยปัจจัยการเพาะปลูก บริหารทั้งดีมานด์และซัพพลายตลอดเวลา แต่อย่ามายุ่งกับการซื้อขายของเอกชน เพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พิสูจน์แล้วว่ารัฐบาลมายุ่งราคาตลาดคนเดียวเลย ทำให้ราคาตก ที่เคยขายได้ตันละ 600 เหรียญ เหลือ 400 กว่าเหรียญสหรัฐ ยังต้องแก้อีกหลายปีจะจบไหม
- ผู้ส่งออกไม่ร่วมประมูล
ที่ ประมูลผู้ส่งออกไม่นิยมซื้อ เพราะต้องรับสภาพข้าวที่ประมูลซึ่งมีการจัดเก็บไว้นาน เราไม่รู้หรอกข้าวในโกดังเป็นหมื่น ๆ กระสอบจะมีคุณภาพเป็นอย่างไร จึงมีจดหมายถึงท่านนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการรองนายก รัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ควบคุมมาตรฐาน โดยเสนอว่าถ้าจะยังคงใช้นโยบายจำนำ ต้องมีการตรวจสอบข้าวที่จะเข้าคลังไปจนถึงกระบวนการระบายข้าว ต้องโปร่งใส คุณภาพควบคุมได้ แต่ผมว่าหยุดเลยจะดีกว่า เพราะการจำนำเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ ต่อให้คุณสุจริต แต่มันมหึมาควบคุมไม่ได้ และเสื่อมคุณภาพเร็ว เก็บ 5-6 เดือนคุณค่ามันหายไปหมด นี่เป็นตัวแปรสำคัญ แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ
- แนวโน้มการส่งออกข้าวปี 2557
น่า จะส่งออกได้ดีขึ้น เพราะราคาไทยปรับลดลงใกล้เคียงกับราคาตลาดโลกมากขึ้น จะมีตลาดบางแห่งกลับมาซื้อไทยมากขึ้น จึงมีโอกาสที่จะส่งออกได้ 7.5 ล้านตัน เท่ากับเวียดนาม ส่วนอินเดียประมาณ 9-9.5 ล้านตัน โดยปริมาณส่งออกข้าวหอมมะลิค่อนข้างมั่นคง ปีละ 2 ล้านตัน เป็นข้าวต้น 1.5-1.6 ล้านตัน และเป็นข้าวหัก 4-5 แสนตัน ขึ้นอยู่กับราคา ถ้าราคาอยู่ประมาณ 1,000 เหรียญสหรัฐ เทียบกับกัมพูชา 900 เหรียญสหรัฐ และเวียดนาม 600 เหรียญสหรัฐพอแข่งขันได้ เราเอาปทุม 650-700 เหรียญสหรัฐ ไปแข่งกับเวียดนาม ตันละ 600 เหรียญสหรัฐ ก็ไม่ได้เกิดแล้ว แต่ปัญหาที่ผ่านมาเราไปเปิดให้เขาเกิดก่อน
ส่วนข้าวขาวนั้นตลาดหลัก ของไทย คือ อิรัก ปีละ 7-8 แสนตัน เขาไม่เกี่ยงราคา แต่ที่ผ่านมาที่เราส่งออกไปมีปัญหาคุณภาพ ส่วนข้าวนึ่งน่าจะดีขึ้น เพราะราคาระดับ 450 เหรียญสหรัฐ อินเดียที่ตั้งราคา 415 เหรียญสหรัฐ สู้ได้ ถ้าต่างกันตันละ 30-40 เหรียญสหรัฐ ก็น่าจะเพิ่มขึ้นบ้าง
ปัจจัย หนึ่งที่ทำให้ราคาเราถูกกว่า เป็นผลมาจากอัตราแลกเปลี่ยนของเราอ่อนค่าลงมาที่ 32 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จากปีก่อน 29 บาทกว่า ซึ่งถือว่ามีความสำคัญนะ ถ้าปีหน้าอัตราแลกเปลี่ยนไปเป็น 33 บาท การแข่งขันยิ่งดีขึ้น แต่ก่อนเวียดนาม 12,000-16,000 ด่องต่อ 1 เหรียญสหรัฐ วันนี้ 21,000 ด่องต่อ 1 เหรียญสหรัฐ ปัจจุบันนี้ก็ปรับมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันแล้ว ส่วนแนวโน้มราคายังอาจลดลงอีกในช่วงต้นปี เพราะผลผลิตใหม่ของเวียดนามจะออกก็จะมีแรงเทขายออกมา
- ความคืบหน้าเอ็มโอยูกับจีน
ปกติ จีนนำเข้าต้องมีโควตาตามดับเบิลยูทีโอ ปีละ 5.5 ล้านตัน หากนอกโควตาเสียภาษี 60% ถ้าโควตาหมด ไทยยังมีนอกโควตาอีกปีละ 2 แสนตัน ขึ้นอยู่กับคอฟโก้ว่าต้องการซื้อหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่มีการตกลงราคากัน อาจจะไม่มีการซื้อขายก็ได้ ถ้าโควตานั้นเพียงพอต่อความต้องการ หรือราคาเราสูงไป ฉะนั้นยังเป็น "ปริศนาอยู่" แต่ก็ถือว่ามีโอกาส เพราะจีนเริ่มมีปัญหาเรื่องพื้นที่เพาะปลูกที่มีการปนเปื้อนสารโลหะ หนัก ชาวบ้านไม่ซื้อ ผลผลิตจีนลดลงจาก 144 ล้านตัน เหลือ 142 ล้านตัน คาดว่าปี จีนจะซื้อไม่ต่ำกว่า 5 ล้านตัน ผ่านการค้าปกติ 3 ล้านตัน และผ่านชายแดน 2 ล้านตัน ทางด้านพม่า 8 แสนตัน เวียดนามอีก 1.2 ล้านตัน
ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
|