www.thairiceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

"TDRI"จี้รัฐงดแทรกแซงราคาข้าว เสนอใช้นโยบายส่งเสริมตามระดับชาวนา 4 กลุ่ม


ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) นำเสนอแนวคิดในงานสัมมนาสาธารณะเรื่อง "สู่แนวคิดใหม่ของนโยบายอุดหนุนภาคการเกษตร...บทเรียนจากนโยบายจำนำข้าว" ว่า แท้จริงแล้วโครงสร้างชาวนาไทยไม่ได้เป็นกลุ่มยากจนทั้งหมด ดังนั้นการคิดนโยบายส่งเสริมจึงต้องแยกเป็น 4 โจทย์ คือ

1.กลุ่มชาวนาเงินล้าน ประมาณ 9 แสนครัวเรือน มีที่ดินทำกินเฉลี่ย 70-90 ไร่ อาศัยในเขตชลประทานลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา กลุ่มนี้อนาคตมีแนวโน้มจะขยายแปลงนาให้ใหญ่ขึ้นซึ่งทำให้ต้นทุนลด ดังนั้นต้องแก้ไขอุปสรรคการรวมแปลงที่ดิน ปัญหากฎหมายเช่านา ลดดอกเบี้ยสินเชื่อซื้อที่ดิน และการส่งเสริมควรเน้นวิจัยตลาดและสายพันธุ์ข้าวที่ตลาดต้องการ โดยไม่ต้องอุดหนุนเป็นเงินช่วยเหลือ

2.กลุ่มชาวนาทางเลือก ประมาณไม่เกิน 1 หมื่นครัวเรือน เช่น ชาวนาปลูกพันธุ์ข้าว ข้าวอินทรีย์ ข้าวเพื่อสุขภาพ กลุ่มนี้เป็นลักษณะปราชญ์ชาวบ้านสูงอายุสามารถรวมกลุ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ราคาสูงและทำการตลาดเอง ซึ่งรัฐควรหานโยบายที่ส่งเสริมให้ชาวนากลุ่มนี้มีบทบาทนำในการพัฒนาข้าวไทย

3.กลุ่มชาวนารายเล็ก-กลาง ประมาณ 1.7-2 ล้านครัวเรือน ลักษณะเป็นชาวนาสูงอายุ ทำงานแบบผู้จัดการนา นาแปลงเล็ก กำไรต่ำ อาศัยรายได้จากสมาชิกชนชั้นกลางในครอบครัวที่ทำอาชีพอื่น หากรัฐไม่สร้างอนาคตให้การทำนา ต่อไปลูกหลานอาจขายหรือให้เช่าที่นาให้กับชาวนากลุ่ม 1 ดังนั้นรัฐควรใช้นโยบายทุ่มพัฒนาความรู้สมัยใหม่ให้ อาจเป็นการรวมแปลง แก้ปัญหาชลประทาน รวมกลุ่มผลิต ปลูกพืชอื่นควบคู่ ซึ่งสามารถปรับให้เอกชนเข้ามาดำเนินการแทน

4.กลุ่มชาวนายากจน ประมาณ 1-1.3 ล้านครัวเรือน กลุ่มนี้มีที่ดินคุณภาพต่ำไม่เหมาะกับการทำนา รายได้จากนาข้าวเป็นเพียง 16% ของรายได้ครัวเรือน ทางออกเดียวคือออกนอกภาคเกษตร ควรใช้นโยบายส่งเสริมทักษะความรู้เพื่อทำอาชีพอื่นและพัฒนาชนบท

ด้านนายวิชัย ศรีประเสริฐ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวในช่วงการเสวนาว่า นโยบายจำนำข้าวที่ผ่านมาทำให้เห็นว่าการผูกขาดทางการเมืองถือเป็นอันตรายต่อประเทศชาติ ต้องหาทางแก้ไข

"ผมเชื่อว่าตรงนี้เป็นจุดสำคัญ พวกเราต้องสนับสนุนคนที่มีไอเดียที่ทำให้รัฐบาลหรือใครก็แล้วแต่เข้ามาผูกขาดไม่ได้ ถ้าเขาผูกขาดทางการเมืองได้ ด้านเศรษฐกิจเขาก็ปู้ยี่ปู้ยำได้ และเราจะเป็นอันตรายมาก"นายวิชัยกล่าว

นายวิชัยเสนอแนะทางช่วยเหลือเกษตรกรด้วยว่า มี 2 วิธี คือการแก้ระยะยาว ด้วยการสร้างประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนและเพิ่มคุณภาพ ส่วนการแก้ระยะสั้น เพื่อต่อลมหายใจ ไม่ควรแทรกแซงราคาตลาด แต่ใช้วิธีจุนเจือรายได้ เช่น แจกเงินอุดหนุน 1,000 บาท/ไร่ แก่ชาวนา เป็นวิธีที่ถูกต้องกว่า แต่ต้องระมัดระวังว่าชาวนาก็มีหลายระดับรายได้ และการแจกเงินต้องใช้ภาษีประชาชน

รศ.สมพร อิศวิลานนท์ นักวิชาการอาวุโส สถาบันคลังสมองของชาติ นำเสนอว่า เกษตรกรปัจจุบันนี้มีเหว 2 เหวที่ก้าวข้ามได้ยากมาก คือ 1.การยกระดับการจัดการในไร่นา ที่เกษตรกรไม่รู้วิธีบริหารจนมีต้นทุนสูง ควรมีการรวมกลุ่มในพื้นที่เพื่อหาความจำเพาะที่ต้องพัฒนา และมีหน่วยงาน เช่น มหาวิทยาลัย หน่วยราชการเข้าไปทำภารกิจช่วยเหลือด้านการวิจัยระบบน้ำและที่ดิน และ 2.ระบบตลาด ต้องหาแนวทางที่ทำให้ชุมชนเข้าถึงระบบตลาด หากไม่มีการเชื่อมโยง สินค้าที่ผลิตจะเป็นเกรดของคละไม่มีคุณภาพ

"อย่างเราพูดเรื่องโซนนิ่งไปปลูกพืชอื่น แล้วเอาตลาดที่ไหนมารองรับ ทุกคนก็ยังตอบไม่ได้ ตรงนี้มีความสำคัญ มีหลักการที่จะช่วยได้ เช่น กิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) แฟร์เทรด การตลาดที่เป็นธรรมในทุกห่วงโซ่ เพื่อจะเป็นสะพานทอดสำคัญให้เกษตรกรเข้มแข็ง" รศ.สมพรกล่าว

ด้าน ดร.นิพนธ์กล่าวถึงปัญหานโยบายอุดหนุนภาคเกษตรว่า การอุดหนุนด้านราคาทำให้เกิดผลผลิตส่วนเกิน และการชดเชยความเสียหายทุกกรณีทำให้เกษตรกรไม่วางแผนการผลิต การคิดนโยบายที่ไม่ประสบความสำเร็จต่าง ๆ เกิดจากระบบราชการที่นิยมคิดจากส่วนกลาง และเน้นให้สิทธิประโยชน์มากกว่าการพัฒนาเกษตรกร

"เราถูกความคิดเก่า ๆ ครอบงำ เป็นระบบคุณพ่อรู้ดี สังคมนิยมเคยเจ๊งเพราะโซนนิ่ง เราก็ยังจะทำโซนนิ่ง การอุดหนุนในแนวคิดใหม่ต้องเร่งสร้างสมรรถนะในการแข่งขัน เวลานี้เราต้องการเกษตรกรที่มีความรู้รุ่นใหม่แล้ว" ดร.นิพนธ์กล่าว

ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

 

TREA on Facebook


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@thairiceexporters.or.th


Copyright © 2014 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.