ุ
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล  รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ชะลอการเจรจาขายข้าวให้รัฐบาลจีนปริมาณ 1 ล้านตันออกไปก่อน หลังจากฝ่ายกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ได้วิเคราะห์รายละเอียดหนังสือตอบรับจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ที่กระทรวงฯ ได้สอบถามไปถึงขอบเขตการดำเนินการระบายข้าวสต๊อกรัฐบาลทั้งแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) และแบบประมูลทั่วไปว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่

"ตอนนี้กำลังศึกษารายละเอียดอีกรอบ เพราะพอมาดูหนังสือตอบของ กกต.ใหม่ยังมีข้อสงสัยอีกหลายประเด็น กลัวว่าถ้าดำเนินการต่อไปจะไสร้างภาระผูกพันให้รัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งรัฐบาลรักษาการไม่ควรทำ" นายนิวัฒน์ธำรง กล่าว

โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กกต.ได้มีหนังสือตอบกลับมาแล้วมีเนื้อหาโดยสรุปว่าสามารถดำเนินการได้ แต่เมื่อมาพิจารณารายละเอียดพบว่าหนังสือดังกล่าวไม่ได้ให้ความชัดเจนประเด็นราคาจำหน่ายว่าสามารถตัดสินใจได้หรือไม่ และประเด็นระยะเวลาส่งมอบซึ่งต้องผูกพันไปถึงรัฐบาลชุดใหม่อย่างแน่นอนเพราะข้าวมีปริมาณมาก

สำหรับการซื้อข้าว 1 ล้านตันนี้เป็นไปตามกรอบที่ผู้นำสองประเทศตกลงกันเมื่อครั้งนายกรัฐมนตรีจีนเยือนไทยว่าจีนจะซื้อข้าวจากไปปีละ 1 ล้านตัน นาน 5 ปี โดยการเจรจาสำหรับการซื้อขายของปี 57 ได้ข้อสรุปในสาระสำคัญแล้วคงเหลือเพียงการกำหนดราคาขายเบื้องต้นจะให้เป็นไปตามราคาตลาด แต่เมื่อมีปัญหาความไม่ชัดเจน ตนเองจึงสั่งให้กรมการค้าต่างประเทศไปชี้แจงให้จีนเข้าใจและคาดว่าอีกไม่นานหลังไทยได้รัฐบาลใหม่จะสามารถดำเนินการขายข้าวล๊อตนี้ได้ทันที อย่างไรก็ตามการชะลอขายข้าวจะไม่กระทบต่อสภาพคล่องของโครงการรับจำนำข้าว เพราะกระทรวงพาณิชย์จะได้เงินจากการทยอยส่งมอบข้าวสำหรับสัญญาเดิมที่มีอยู่ได้ตามแผน

ขณะเดียวกันรัฐบาลได้เร่งหาเงินจากแหล่งอื่นมาใช้ในโครงการแล้วมั่นใจว่าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)จะจ่ายเงินค่าข้าวให้ชาวนาได้ทั้งหมดภายในเดือนมกราคมนี้

ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศ แจ้งว่า การส่งออกข้าวตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-16 ธ.ค.56 ไทยส่งออกข้าวแล้ว 6.403 ล้านตัน ลดลง 3.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่มีมูลค่า 4,208 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 7.4% และราคาเฉลี่ยตันละ 657 ดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าการส่งออกข้าวทั้งปี 56 จะมีปริมาณ 6.68 ล้านตัน ลดลง 3.9% มูลค่า 4,389 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 7.9% เมื่อเทียบกับปี 55

ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยว่า กำลังเตรียมความพร้อมในการเข้าไปชี้แจงกับ กกต. เกี่ยวกับแนวทางการขอกู้เงิน 130,000 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาลผลิต 56/57 โดยยืนยันว่าเป็นโครงการต่อเนื่องที่ ครม.มีมติอนุมัติให้ดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ปี 56 อีกทั้งไม่ได้เป็นการก่อภาระหนี้ก้อนใหม่แต่อย่างใด รวมถึงไม่ได้เป็นการดำเนินการที่เป็นภาระ หรือกระทบต่อกรอบวินัยทางการคลังอีกด้วย

"การกู้เงินในโครงการรับจำนำข้าว 130,000 ล้านบาทนั้น ส่วนตัวผมเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องในระบบของประเทศโดยเรื่องนี้ กระทรวงการคลังจะดำเนินการในแนวทางเดียวกันกับที่เคยได้สอบถาม เรื่องการออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอล์ฟโลน) และการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเหลือ 0.005 บาทต่อลิตร ซึ่งในส่วนของการจ่ายเงินให้เกษตรกรที่นำข้าวเข้าโครงการและได้รับใบประทวนแล้วนั้น ขณะนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กำลังทยอยจ่ายเงินอย่างต่อเนื่อง" นายกิตติรัตน์ กล่าว

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)