ุ
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร โฆษกกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่าเมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 กันยายน 2557 ที่ผ่านมา พลเอกฉัตรชัย สาริกัลป์ยะ รมว.พาณิชย์ ได้หารือร่วมกับ 5 ตัวแทนองค์กรชาวนา ได้แก่สมาคมชาวนาไทย, สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย, สมาคมส่งเสริมชาวนาไทย, สมาคมเครือข่ายชาวนาไทย และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือชาวนาในลักษณะการป้องกันเชิงรุกก่อนที่จะเกิดปัญหา โดยเฉพาะเรื่องการตลาด และระดับราคาข้าวที่เกษตรกรจะขายได้อย่างเหมาะสมในช่วงฤดูการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่จะมาถึงนี้
พร้อมกันนี้ได้ตั้งกลุ่มคณะหารือร่วมระหว่างชาวนาและกระทรวงพาณิชย์ขึ้นมา เพื่อใช้เป็นเวทีพบปะ พูดคุยปัญหาข้าวอย่างเจาะลึกโดยจะหารือกันทุกๆ 2 สัปดาห์ เริ่มสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป เบื้องต้นได้ให้ชาวนา เตรียมประเด็น เรียงลำดับเรื่องที่สำคัญ รวบรวมปัญหาและความต้องการของชาวนา วิธีจัดการ เพื่อให้ชาวนาพอใจ ภายหลังการหารือรมว.พาณิชย์จะรับเรื่องไว้ หากเป็นเรื่องเร่งด่วนก็อาจนำเสนอต่อ คณะกรรมการนโยบายบริหารและจัดการข้าว(นบข.)ต่อไป
“กระทรวงฯได้ตั้งกลุ่มขึ้นมาหารือกับชาวนาขึ้นซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่เป็นทางการ เพราะต้องการให้เป็นเวที ที่ใช้พูดคุยแบบเป็นกันเองที่สุด อาจเรียกเป็นคณะหารือ โดยระยะแรกจะหารือเรื่องการตลาดสถานการณ์ราคาข้าว การรักษาเสถียรภาพราคาข้าวให้ได้ตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้คือต้องไม่ต่ำกว่า 8,500 บาทต่อตันข้าวเปลือก”
นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ยังมีแผนตั้งมิสเตอร์ข้าวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เพื่อติดตามดูแล แก้ไขสถานการณ์ข้าวโดยเฉพาะ ผู้รับผิดชอบจะเป็นข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ที่มีอำนาจในการตัดสินใจ สามารถทำงาน ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆได้และมีความรู้เรื่องข้าวเป็นอย่างดี คาดว่าจะแต่งตั้งได้ภายหลังเดือนกันยายนนี้
สำหรับมาตรการดูแลราคาข้าวทางกระทรวงพาณิชย์ เตรียมให้ความช่วยเหลือชาวนาและพยุงราคาข้าวในตลาดเช่นเตรียมจัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับเกษตรกรที่มียุ้งฉางในภาคอีสาน และภาคเหนือตอนบน เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ชาวนาเก็บข้าวและนำออกขายในช่วงราคาที่เหมาะสม รวมทั้งหาแนวทางการปรับปรุงคุณภาพให้มีคุณภาพดี ต้นทุนต่ำ ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น การพัฒนาคุณภาพข้าวอย่างยั่งยืน โดยการปลูกข้าวตามความต้องการตลาดและผู้บริโภค รวมถึงลดพื้นที่การเพาะปลูกและหันไปเพาะปลูกพืชชนิดอื่นแทน
“สถานการณ์ปัจจุบันจากการรายงานผลการเก็บข้อมูลของกรมการค้าภายใน ณ วันที่ 16 กันยายน 2557พบว่าข้าวเปลือกซื้อขายในตลาดความชื้นไม่เกิน 15% ราคาอยู่ระหว่าง 7,500-8,200 บาทต่อตันส่วนที่มีการร้องเรียนว่าในบางพื้นที่ขายข้าวได้ราคาต่ำกว่าราคาเป้าหมาย 8,500 บาทต่อตัน เพราะต้องเก็บเกี่ยวเพื่อหนีฝนทำให้ข้าวมีความชื้นสูง”
นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์จะเรียกผู้ส่งออกและกลุ่มผู้ประกอบการโรงสีเข้ามาหารือ เพื่อจัดหาแนวทางความร่วมมือในการดูแลข้าวทั้งระบบต่อไปโดยจะหารือกับผู้ส่งออกในการเข้าไปตรวจสอบสต็อกข้าวตามกฎหมายที่ระบุให้ผู้ค้าข้าวเพื่อการส่งออกต้องมีการเก็บสต็อก 500 ตันข้าวสาร และมีพร้อมทันทีที่มีการตรวจสอบ
ที่มา หนังสือพิมพ์แนวหน้า
|