ุ
นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ออกประกาศกระทรวงพาณิชย์เรื่อง กำหนดให้ข้าวหอมมะลิไทยเป็นสินค้ามาตรฐาน และมาตรฐานสินค้าข้าวหอมมะลิไทย (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2556 โดยได้แบ่งข้าวหอมมะลิไทยเพื่อการส่งออก เป็น 2 ชั้นตามปริมาณข้าวหอมมะลิไทย คือ ข้าวหอมมะลิไทยชนิดพิเศษ (Prime Quality Thai Hom Mali Rice) ต้องมีข้าวหอมมะลิไทยไม่น้อยกว่า 98% และข้าวหอมมะลิไทย (Thai Ham Mali Rice) ต้องมีข้าวหอมมะลิไทยไม่น้อยกว่า 92% จากเดิมที่กำหนดไว้เพียงชั้นเดียว ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 57 ที่ผ่านมา และขณะนี้ กรมฯ ได้ส่งหนังสื่อประกาศฉบับนี้ส่งต่อไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกให้ได้รับทราบกันทั่วไปแล้ว
นอกจากนี้ ทั้งข้าวหอมมะลิไทย และข้าวหอมมะลิไทยชนิดพิเศษ แบ่งแยกตามประเภทของข้าวออกเป็น 2 ประเภทคือ ข้าวขาว และข้าวกล้อง โดยข้าวขาวมี 8 ชนิด คือ ข้าวขาว 100% ชั้น 1 ข้าวขาว 100% ชั้น 2 ข้าวขาว 100% ชั้น 3 ข้าวขาว 5% ข้าวขาว 10% ข้าวขาว 15% ข้าวขาวหักเอวันเลิศพิเศษ และข้าวขาวหักเอวันเลิศ ส่วนข้าวกล้อง แบ่งเป็น 6 ชนิด คือ ข้าวกล้อง 100% ชั้น 1 ข้าวกล้อง 100% ชั้น 2 ข้าวกล้อง 100% ชั้น 3 ข้าวกล้อง 5%, ข้าวกล้อง 10% และข้าวกล้อง 15% โดยสินค้ามาตรฐานข้าวหอมมะลิไทยทุกชั้น ทุกประเภท และทุกชนิด จะต้องมีความชื้นไม่เกิน 14% มีลักษณะทั่วไปเมื่อผ่านกระบวนการสีแล้วเป็นข้าวเมล็ดยาว มีความขาว ท้องไข่น้อยตามธรรมชาติ ไม่มีแมลงที่ยังมีชีวิตอยู่ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ส่งสินค้ามาตรฐานข้าวหอมมะลิไทยออกไปนอกราชอาณาจักร โดยบรรจุกระสอบ หรือภาชนะอื่นใด ผู้ส่งออกต้องแสดงข้อความภาษาอังกฤษว่า Prime Quality Thai Hom Mali Rice หรือ Thai Hom Mali Rice ตามชั้นคุณภาพที่ส่งออก ที่เห็นได้ชัดเจนบนภาชนะ เพื่อให้ผู้ซื้อรู้ว่าเป็นสินค้ามาตรฐานข้าวหอมมะลิไทยแท้ ไม่มีการปลอมปน เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อว่า จะได้ซื้อข้าวหอมมะลิไทยแท้แน่นอน
สำหรับการกำหนดมาตรฐานข้าวหอมมะลิไทยใหม่ในครั้งนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพมาตรฐานข้าวหอมมะลิไทยให้สูงขึ้น ตามความต้องการของผู้บริโภคในหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง จีน ที่ต้องการบริโภคข้าวหอมมะลิไทยชนิดพรีเมี่ยม หรือมีคุณภาพดี แม้ราคาสูงก็ตาม ขณะเดียวกัน คุณภาพข้าวที่สูงขึ้น จะทำให้มูลค่าของสินค้าข้าวหอมมะลิไทยเพิ่มสูงขึ้นด้วย ขณะที่ตัวเลขการส่งออกข้าวตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ 2.3 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,100-1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ที่มา สำนักข่าวไทย
|