ุ
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ตามที่มีข่าวที่ออกมาจากปากรัฐมนตรีของรัฐบาลอิรักเรื่องจะหยุดซื้อข้าวไทยเพราะข้าวไทยมีปัญหาเรื่องคุณภาพจากที่มีการผสมข้าวเก่าลงไป และปัญหาน้ำหนักที่หายไป ทำให้อิรักหันมาซื้อข้าวจากอุรุกวัย และสหรัฐอเมริกาแทน ทั้งๆ ที่ราคาข้าวแพงกว่าไทยนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ผู้ส่งออกข้าว ก็กังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อโอกาสการขายข้าวของไทยในอนาคต

ดังนั้นทางรัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์ จะต้องรีบไปติดต่อหาทางเจรจากับทางรัฐบาลอิรักเพื่อจะช่วยหาทางแก้ปัญหานี้ และเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้น เพราะเชื่อว่าทางรัฐบาลอิรัก ยังคงต้องการซื้อข้าวไทยอยู่ เนื่องจากข้าวไทยราคาถูกลง และคนอิรักเองก็นิยมบริโภคข้าวไทยเห็นได้จากช่วงต้นปีที่ผ่านมา ราคาข้าวขาวของไทยอยู่ที่ 520-530 เหรียญสหรัฐต่อตัน ห่างจากเวียดนามเกือบ 100 เหรียญสหรัฐ แต่เขาก็ยังยินดีซื้อข้าวจากไทย

นอกจากนี้พบว่า ยอดส่งออกข้าวไทยไปอิรักปี 2556 ส่งออกได้ดีมากในครึ่งปีแรก แต่มาหยุดไปในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งหากไม่มีปัญหาเรื่องคุณภาพข้าว ในปีที่ผ่านมา ซึ่งไทยน่าจะส่งออกข้าวไปอิรักได้ถึง 1 ล้านตันในปีที่ผ่านมา เนื่องจากอิรักมีความต้องการนำเข้าข้าว 1.5-1.6 ล้านตัน ในปีที่ผ่านมา

“ปัญหาเรื่องคุณภาพข้าวในโกดังรัฐบาลที่เก็บไว้นานจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ที่ตั้งราคาจำนำไว้สูงกว่าราคาตลาด ได้เคยปัญหามาแล้วก่อนหน้านี้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาในช่วงที่รัฐบาลนี้ เริ่มโครงการรับจำนำข้าว โดยทางการอินโดนีเซีย เคยปฏิเสธข้าวไทย จำนวนประมาณ 3-4 หมื่นตัน ในการทำสัญญาซื้อข้าวจีทูจี ระหว่างองค์กรบูล็อกของอินโดนีเซีย (BULOC) กับ องค์การคลังสินค้า (อคส.) ซึ่งมีการทำสัญญาซื้อขายไว้ จำนวนประมาณกว่า 3 แสนตัน ซึ่งทาง อคส.ได้มอบหมายให้ผู้ส่งออกรายหนึ่ง เป็นผู้ปรับปรุงข้าวและขนส่งข้าวไปให้อินโดนีเซีย”

นายชูเกียรติกล่าวว่า หากพูดถึงการส่งออกข้าวในภาพรวมของไทยขณะนี้ ยังไม่มีปัญหาเรื่องคุณภาพข้าว หากเป็นการส่งออกโดยภาคเอกชน เนื่องจากเอกชนจะระมัดระวังมากเรื่องคุณภาพสินค้าเพราะมีการทำ Branding ซึ่งการส่งออกจะต้องเข้มงวดเรื่อง การให้ surveyor ตรวจสอบคุณภาพข้าว

“ข่าวข้าวในโกดังรัฐบาลมีปัญหาข้าวเน่า และข้าวเก่านั้น ที่ทราบมาเป็นปัญหา ที่เกิดขึ้นกับข้าวในประเทศมากกว่าข้าวที่ส่งออก” นายชูเกียรติ กล่าว

ที่มา หนังสือพิมพ์แนวหน้า