ุ
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า สมาคมเตรียมจัดคณะไปประชาสัมพันธ์ สร้างความเชื่อมั่นคุณภาพข้าวไทยที่ฮ่องกง ในช่วงสิ้นเดือนมีนาคมนี้ หลังจากนั้นมีแผนจะเดินทางไปสิงคโปร์ จีน และญี่ปุ่น เนื่องจากที่ผ่านมาการส่งออกในตลาดกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นตลาดข้าวหอมมะลิปรับลดลงไปมากกว่า 50% จากที่เคยส่งออกได้ปีละ 3 แสนตัน เหลือเพียงปีละ 1.5-1.6 แสนตัน หลังจากใช้โครงการรับจำนำ

แนวโน้มการส่งออกข้าวไทยในปี 2557 นี้ น่าจะปรับตัวดีขึ้นได้อีก 5-10% โดยเป็นผลมาจากปัจจัยบวก เช่น อัตราแลกเปลี่ยนอ่อนค่า 32 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ประกอบกับรัฐบาลระบายสต๊อกข้าวออกมามากทำให้ราคาข้าวไทยอ่อนตัวลง จะมีระดับความแตกต่างจากคู่แข่งไม่มาก พอที่แข่งขันได้ เช่น ราคาข้าวขาว 5% ของเวียดนาม ตันละ 385 เหรียญสหรัฐ ส่วนข้าวขาวไทย ตันละ 400-405 เหรียญสหรัฐ หากต้องการแข่งขันไทยก็ต้องแข่งขันด้านราคาอาจจะต้องขายข้าวในราคาเฉลี่ย 375-380 เหรียญสหรัฐ เพื่อที่จะแข่งกับคู่แข่งได้ อาจต้องยอมขาดทุนบ้าง ส่วนแนวโน้มราคาข้าวหอมมะลิไทย ปี 2557 ลดลง 10-15% เหลือตันละ 1,000 เหรียญสหรัฐต่อตัน

ขณะที่ตลาดนำเข้า หลายประเทศมีแนวโน้มจะเพิ่มการนำเข้า ทั้งอินโดนีเซียเตรียมจะนำเข้าข้าว 1 ล้านตัน ฟิลิปปินส์ 7-8 แสนตัน มาเลเซีย และจีน ซึ่งมีความต้องการนำเข้าข้าวหักและปลายข้าวเพิ่มขึ้น เป็นต้น โดยรัฐบาลควรจะเข้าไปเจรจาขายข้าวกับฟิลิปปินส์ หรืออินโดนีเซียไว้ล่วงหน้า และควรไปเจรจากับอิรัก เพราะอิรักไม่มีการนำเข้าข้าวไทยมา 6-7 เดือนแล้ว

"ล่าสุดทางไนจีเรีย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่การส่งออกข้าวนึ่งของไทย มีแผนจะปรับลดภาษีนำเข้าข้าวนึ่งจาก 100% ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการประกาศที่ชัดเจนว่าจะปรับลดเท่าไร แต่แนวโน้มจะปรับลดลงแน่ ซึ่งจะเป็นโอกาสของผู้ส่งออกข้าวนึ่งไทยที่จะส่งออกได้เพิ่มขึ้น เพราะแต่ละปีไนจีเรียนำเข้าข้าวนึ่งปีละ 1-2 ล้านตัน ซึ่งต้องติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ราคาข้าวนึ่งไทยลดลงใกล้เคียงตลาดข้าวนึ่งอินเดียเฉลี่ยอยู่ที่ 410-420 เหรียญสหรัฐต่อตันพอจะแข่งขันได้"

ด้านนางสาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ ประธานกรรมการบริหารกมลกิจกรุ๊ป ผู้ส่งออกข้าวนึ่ง และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ในระยะนี้ผู้นำเข้าได้ขอชะลอการนำเข้า เพื่อรอความชัดเจนของไนจีเรียว่าจะปรับลดเมื่อไรและเท่าไร เพื่อป้องกันไม่ให้ขาดทุน ประกอบกับราคาข้าวของไทยปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ไม่มีเสถียรภาพ ทำให้ผู้นำเข้าและผู้ส่งออกก็มีความกังวลและไม่มีความมั่นใจหากนำเข้า

"แม้ว่าจะมีอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่า 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ราคาข้าวนึ่งไทยอยู่ที่ 410-415 เหรียญสหรัฐ สามารถแข่งขันกันได้ เป็นโอกาสอันดี แต่กลับกลายเป็นภาวะค้าข้าวในตลาดข้าวนึ่งชะลอตัว ส่วนหนึ่งเพื่อรอความชัดเจนการปรับลดภาษีของไนจีเรียว่าจะลดลงเมื่อไร เท่าไร แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นสิ่งที่ผู้ส่งออกและผู้นำเข้าไม่ชอบ คือราคาข้าวไม่มีเสถียรภาพ เพราะรัฐบาลระบายข้าวออกมาต่อเนื่อง มีผลต่อราคาลดลงเรื่อย ๆ ลูกค้าไม่มั่นใจที่จะนำเข้าข้าวนึ่ง ใครนำเข้าก่อนอาจจะขาดทุนได้ ต้องรอให้ราคามีเสถียรภาพก่อน"

ทั้งนี้การส่งออกข้าวนึ่ง ก่อนที่จะมีโครงการรับจำนำข้าว ประมาณ 3 ล้านตันต่อปี แต่หลังจากที่มีโครงการรับจำนำข้าวไทยส่งออกข้าวนึ่งได้ปีละ 2 ล้านตัน ส่วนปี 2557 คาดว่าการส่งออกข้าวนึ่งภาพรวมของไทยน่าจะส่งออกได้ประมาณ 2 ล้านตัน โดยตลาดหลักยังเป็นไนจีเรีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง สำหรับราคาเฉลี่ยข้าวนึ่งตันละ 500 เหรียญสหรัฐต่อตัน หากส่งออกได้ 2 ล้านตัน จะมีมูลค่า 32,000 ล้านบาท

ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์