ุ
นางจินตนา ชัยยวรรณาการ อธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่า ขณะนี้การจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวมีความคืบหน้ามาก คาดจะสรุปได้ภายในเดือน ต.ค.นี้ โดยยุทธศาสตร์หลักยังคงเป็นมาตรการจัดโซนนิ่งทางการเกษตร เน้นลดพื้นที่ปลูกข้าวให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยหันไปปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นแทน แต่ต้องเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้มากขึ้น เพื่อให้ปริมาณผลผลิตเฉลี่ยแต่ละปียังคงเดิมหรือไม่ลดลงมาก เบื้องต้นพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปจัดทำแปลงสาธิตจำนวน 882 แปลงทั่วประเทศ เพื่อทดลองปลูกพืชเศรษฐกิจสำคัญ 6 ชนิด ประกอบด้วย ข้าว ยางพารา ปาล์ม มันสำปะหลัง อ้อย และข้าวโพด เพื่อเสริมความรู้และเป็นมาตรการจูงใจให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชตามแนวทางการ จัดโซนนิ่งด้วย

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการส่งเสริมการปลูกข้าวคุณภาพดีเพื่อเพิ่มมูลค่าข้าว และการจัดตั้งสถาบันการพาณิชย์ข้าว ภายในปี 2558 เพื่อเป็นศูนย์ข้อมูลด้านข้าวในทุกด้านให้ชาวนาจนถึงผู้ส่งออก ทั้งนี้ ยืนยันว่า แนวทางการดูแลราคาข้าวจะไม่มีการชดเชยเป็นเงินแน่นอน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังใช้มาตรการเร่งด่วน เพื่อรองรับผลผลิตข้าวนาปี ปีการผลิต 2557/2558 ที่จะเริ่มออกเดือน ต.ค.นี้ เป็นระยะเวลา 6 เดือน จนถึงเดือน มี.ค. 2558 ภายใต้งบประมาณที่ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปล่อยสินเชื่อกว่า 20,000 ล้านบาท โดยเน้นให้โรงสีรับซื้อข้าวเพื่อเก็บสต๊อกไว้ รวมทั้งเกษตรกรที่มียุ้งฉางจะให้ ธ.ก.ส. จ่ายเงินวงเงินร้อยละ 80 ของราคาข้าวในตลาด

"เมื่อราคาข้าวในตลาดดี ชาวนาสามารถนำข้าวไปขายเพื่อนำเงินมาคืน ธ.ก.ส. รวมทั้งการจัดตลาดนัดข้าวเปลือก เพื่อให้ผู้ซื้อข้าวพบกับเกษตรโดยตรง รวมทั้งการระบายข้าวในสต๊อกที่ขณะนี้มีคำสั่งซื้อแล้วกว่า 1.47 ล้านตันข้าวสาร จึงเชื่อว่าจะสามารถดึงปริมาณข้าวส่วนเกินออกจากตลาดได้ และจะสามารถพยุงราคาข้าวเปลือกเจ้าที่ความชื้น 15% ในฤดูกาลใหม่ที่จะออกมาให้ได้ราคาไม่ต่ำกว่า 8,500 บาท/ตัน"

อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นเดือน ต.ค. คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) จะมีการพิจารณาปลดล็อกมาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายสินค้าเกษตรสำคัญข้ามเขต หรือข้ามจังหวัดที่ใช้ป้องกันการสวมสิทธิ์ตามโครงการรับจำนำข้าวที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ไม่มีการจำนำสินค้าเกษตรชนิดใดแล้ว จึงจะเสนอให้มีการยกเลิกมาตรการดังกล่าว

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์