ุ
สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย รายงานว่า การส่งออกข้าวในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 (มกราคม-มิถุนายน) มีปริมาณ 4,457,927 ตัน มูลค่า 72,142 ล้านบาท (2,219 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยปริมาณส่งออกลดลง 4.7% และมูลค่าส่งออกลดลง 5.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557 ที่มีการส่งออกปริมาณ 4,679,361 ตัน มูลค่า 76,349 ล้านบาท (2,368 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในเดือนมกราคม-มิถุนายน 2558

อย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับ 5 ประเทศหลักส่งออกข้าวโลก ไทยยังครองผู้นำ ตามด้วย อินเดีย 4.25 ล้านตัน แต่การส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.4 เวียดนาม 2.43 ล้านตัน ติดลบร้อยละ 14.2 ปากีสถาน 2.27ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.9 และ สหรัฐ 1.69 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 สำหรับประเทศผู้นำเข้าข้าวไทยรายใหญ่คือ ไนจีเรีย ฟิลิปปินส์ จีน ฯลฯ

ทั้งนี้ในเดือนมิถุนายน 2558 ที่ผ่านมามีการส่งออกข้าวปริมาณ 685,769 ตัน มูลค่า 10,782 ล้านบาท โดยปริมาณส่งออกลดลง 19.8% และมูลค่าส่งออกลดลง 18.8% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2557 ที่มีการส่งออกปริมาณ 854,576 ตัน มูลค่า 13,273
ล้านบาท และปริมาณส่งออกลดลง 27.5% และมูลค่าส่งออกลดลง 23.6% เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2558 ที่มีการส่งออกปริมาณ 945,597 ตัน มูลค่า 14,110 ล้านบาท

รายงานแจ้งอีกว่า สถานการณ์ราคาส่งออกข้าวในเดือนกรกฎาคม 2558 พบว่าปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากเดือนมิถุนายน เนื่องจากตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะภัยแล้งซึ่งคาดว่าจะทำให้ผลผลิตข้าวเปลือกลดลง ประกอบกับอุปทานข้าวในตลาดไม่เพียงพอกับความต้องการจึงส่งผลให้ราคาข้าวส่งออกเกือบทุกชนิดปรับตัวสูงขึ้น

ทั้งนี้ราคาที่ประกาศโดยสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ณ วันที่ 29 กรกฎาคม 2558 ข้าวขาว 5% ราคาอยู่ที่ 399 เหรียญสหรัฐต่อตัน (เอฟโอบี) ในขณะราคาข้าวของประเทศคู่แข่งซึ่งรายงานโดยเว็บไซต์ ORYZA.COM ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2558 ข้าวขาว 5% ของเวียดนาม ราคาอยู่ที่ 340-350 เหรียญสหรัฐต่อตัน (เอฟโอบี) ข้าวขาว 5% ของอินเดียราคาอยู่ที่ 385-395 เหรียญสหรัฐต่อตัน (เอฟโอบี) ในขณะที่ข้าวขาว 5% ของปากีสถาน ราคาอยู่ที่ 355-365 เหรียญสหรัฐต่อตัน (เอฟโอบี)

สมาคมคาดว่าในเดือนกรกฎาคมนี้จะมีการส่งออกข้าวประมาณ 700,000-800,000 ตัน เนื่องจากในช่วงนี้ยังคงมีการส่งมอบข้าวอย่างต่อเนื่องทั้งข้าวขาว และข้าวนึ่งแม้ปริมาณที่ส่งมอบในแต่ละครั้งจะยังไม่มากนักเพราะผู้ซื้อบางส่วนจะทยอยซื้อตามความต้องการ และจากการที่รัฐบาลได้ระบายข้าวจากสต๊อกปริมาณมากทำให้ผู้ส่งออกมีข้าวที่สามารถส่งมอบให้กับประเทศที่นิยมบริโภคข้าวเก่าได้มากขึ้น

ประกอบกับค่าเงินบาทยังคงมีทิศทางอ่อนค่าลงจึงส่งผลให้ราคาข้าวส่งออกของไทยปรับลดลงช่วยให้ข้าวไทยสามารถแข่งขันในตลาดได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ราคาข้าวของเวียดนามได้ปรับลดลงเพื่อดึงความสนใจของผู้ซื้อและเร่งขายข้าวอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับผลผลิตฤดูใหม่กำลังออกสู่ตลาด ขณะที่ความต้องการข้าวในตลาดยังมีไม่มากนักเนื่องจากสต๊อกข้าวของผู้ซื้อบางส่วนยังคงมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการจึงไม่เร่งรีบที่จะซื้อ ขณะที่ผู้ซื้อบางส่วนจะเลือกซื้อข้าวจากแหล่งที่ราคาถูกกว่า

ที่มา หนังสือพิมพ์แนวหน้า