ุ
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวไทยขณะนี้กำลังได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่าจากช่วงก่อนหน้านี้ที่ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.50 บาท/เหรียญสหรัฐ แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 32 บาท/เหรียญสหรัฐ ทำให้ราคาส่งออกข้าวไทยแพงขึ้น 5-10 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่งผลต่อศักยภาพการแข่งขันด้านราคากับข้าวของประเทศคู่แข่ง ซึ่งต้องการให้รัฐบาลเข้ามาช่วยดูแลค่าเงินบาทอย่างเร่งด่วน
“สินค้าข้าวมีกำไรต่ำอยู่แล้ว ยิ่งต้องมาแข่งขันด้านราคาทำให้ไทยเสียเปรียบมาก เพราะปัญหาของค่าเงินบาทที่อยู่ดีก็แข็งค่าขึ้นมามาก แม้ว่าการแข็งค่าของค่าเงินบาททำให้ข้าวไทยแพงขึ้น 5-10 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่ก็ทำให้ประเทศผู้ซื้อตัดสินใจซื้อข้าวจากประเทศคู่แข่งด้วยส่วนต่างนี้ได้” ร.ต.ท.เจริญ กล่าว
ด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า มีแนวโน้มว่าการส่งออกข้าวไทยปีนี้อาจไม่ถึง 10 ล้านตัน ตามเป้าหมายที่สมาคมฯ คาดการณ์ไว้ เนื่องจากการส่งออกข้าวไทยเผชิญปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน โดยเฉพาะปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้ราคาข้าวไทยแพงขึ้นมา 10 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในขณะที่ค่าเงินของประเทศคู่แข่งส่งออกข้าวคือเวียดนามไม่เปลี่ยนแปลง รัฐบาลเวียดนามยังคงรักษาระดับค่าเงินไว้ได้อยู่ ทำให้ราคาข้าวแพงจึงแพงขึ้นมาอีกเมื่อเทียบกับราคาข้าวของเวียดนาม โดยราคาส่งออกข้าวไทยปัจจุบันอยู่ที่ 395-400 เหรียญสหรัฐ/ตัน ราคาส่งออกข้าวเวียดนามอยู่ที่ 360-365 เหรียญสหรัฐ/ตัน ราคาข้าวปากีสถานอยู่ที่ 345-350 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่งผลให้ราคาข้าวไทยห่างจากคู่แข่ง 40 เหรียญสหรัฐ/ตัน
นอกจากนี้ ยังพบว่าตลาดผู้ซื้อข้าวซบเซาเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่ดี โดยเฉพาะตลาดแอฟริกาที่เป็นตลาดส่งออกข้าวนึ่งหลักของไทย เนื่องจากค่าเงินของกลุ่มประเทศในภูมิภาคแอฟริกาที่ผูกติดกับค่าเงินยูโร ซึ่งมีแนวโน้มค่าเงินลดลง ทำให้ประเทศในตลาดแอฟริกาหันไปซื้อข้าวจากประเทศที่มีราคาถูกกว่าข้าวไทย เช่น ปากีสถาน อีกทั้งตลาดหลักคือประเทศไนจีเรียมีการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งใช้นโยบายที่จะลดการนำเข้าข้าวและหันมาปลูกข้าวเพื่อพึ่งพาตัวเองมากขึ้น ก็จะส่งผลให้มีการนำเข้าข้าวจากไทยลดลง
“หากจะส่งออกได้ 10 ล้านตัน แต่ละไตรมาสควรจะต้องส่งออกให้ได้ 2.5 ล้านตันขึ้นไป แต่ไตรมาสแรกไทยเพิ่งส่งออกข้าวได้แค่ 1.8-1.9 ล้านตัน และคาดว่าแนวโน้มส่งออกข้าวในไตรมาส 2 ก็ยังไม่ดีขึ้นเฉลี่ยน่าจะอยู่ใกล้เคียงกับไตรมาสแรก เนื่องจากการแข่งขันทางด้านราคาที่รุนแรงและสภาพตลาดซบเซา ซึ่งต้องมาลุ้นครึ่งปีหลังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นหรือไม่” นายชูเกียรติ กล่าว
ที่มา หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
|